Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Albert Camus

อัลเบิร์ต คามูส์ (Albert Camus)
โนเบลวรรณกรรม 1957
คามูส์ เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1913 ในมอนโดวี, อัลจีเรีย (Mondovi, Algeria) ขณะนั้นเป็นดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศส เขาเป็นลูกชายคนที่สองของบ้าน  พ่อของเขาชื่อลูเซน (Lucien Auguste Camus) เป็นเกษตรกรทำงานในไร่องุ่นที่มีฐานะยากจน
ส่วนแม่ชื่อแคทเธอรีน (Catherine Marie Cardona) มีเชื้อสายของชาวเสปน เธอเป็นคนที่เกือบจะหูหนวก มีเพียงหูซ้ายของเธอเท่านั้นที่ฟังเสียงได้ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเธอหูหนวก เธอทำงานรับจ้างทำความสะอาดและเป็นแรงงานชั่วคราวในโรงงาน
1914 เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ลูเซน ถูกเกณฑ์เป็นทหาร และได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการรบที่มารน์ (Battle of the Marne) จนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลทหารในบริตตานี่ (Brittany) ในเดือนตุลาคม 
หลังจากพ่อเสียชีวิต แม่จึงพาครอบครัวมาอยู่กับยายในกรุงอัลเจียร์ (Algiers) เมืองหลวง โดยพวกเขาอาศัยรวมกันอยู่ในอพาร์ตเม้นท์ขนาดสามห้องนอน ในย่านเบลคอร์ต (Belcourt) ซึ่งไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าและน้ำปะปา ต้องมาใช้ห้องน้ำส่วนกลางร่วมกับคนอาศัยคนอื่นๆ  ยายของคามูส์นั้นเป็นคนดุและเธอกลายเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในครอบครัวแทนพ่อซึ่งเสียชีวิต
1923 เริ่มเข้าเรียนหนังสือ โดยที่เขาเป็นคนฉลาดและเรียนหนังสือเก่ง ทำให้อาจารย์ของเขาหลุยส เจอเมน (Louis Germain) สนับสนุนให้เขาขอทุนเพื่อที่จะได้เรียนต่อสูงๆ
ต่อมาคามูส์สามารถขอทุนเรียนมัธยมปลายได้ เขาจึงได้เข้าเรียนมัธยมในโรงเรียน Grand Lycee  ในเขตคาสบาห์ (Kasah distrct)   ระหว่างที่เรียนมัธยมปลายนี้เขากลายเป็นนักอ่านตัวยง และเริ่มเรียนภาษาอังกฤษและลาติน แต่ว่าเขาก็ยังชอบเล่นกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอและว่ายน้ำ
1930 เกิดการระบาดของวัณโรค ทำให้เขาหยุดเรียนชั่วคราวเพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเขาเอง คามูส์ย้ายออกจากอพาร์ทเม้นท์ที่พัก ไปอาศัยอยู่กับลุงกุสตาฟ (Gustave Acault) ซึ่เปิดร้านขายเนื้อ 
1932 จบมัธยมปลาย
1933 สมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอัลเจียร์ (University of Algiers) ทางด้านปรัชญา ที่มหาวิทยาลัยนี้เขาได้พบกับศาสตราจารย์ ฌอห์น กรีเนียร์  (Jean Grenier) ซึ่งยังหนุ่มและทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนกัน
ระหว่างที่เรียนเขายังเป็นนักกีฬาฟุตบอลของทีมมหาวิทยาลัย โดยทำหน้าที่ผู้รักษาประตู , ที่มหาวิทยาลัยเขายังได้พบกับ ซีโมน (Simone Hie) เธอเป็นผู้หญิงสวยมาก แต่ว่าเธอติดมอร์ฟีนและมีอารมณ์แปรปรวน
1934 16 มิถุนายน, แต่งงานกับซีโมน แต่ว่าไม่นานทั้งคู่ก็แยกกันอยู่ และต่างก็ไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอีกหลายคน
1935 เข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส (French Communist Party) และได้ก่อตั้ง Théâtre du Travail ร่วมกับเพื่อน เป็นบริษัทซึ่งผลิตด้านละครเวทีและบทละครแนวการเมืองฝ่ายซ้าย ทำหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อให้กับพรรค  บริษัทของเขามีผลงาน อาทิ Revolt ที่เกี่ยวกับชะตากรรมอันรันทนของแรงงานช่วงสงครามกลางเมืองในประเทศสเปน
1936 สำเร็จการศึกษา และได้รับปริญญาตรีทด้านปรัชญา
พฤษภาคม, เขาเสนอวิทยานิพนธ์เรื่อง Neo-Platonism and Christian Thought ทำให้เขาได้รับปริญญาโท
1937 ถูกไล่ออกจากพรรค โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกทร็อตสกีนิสต์
ปีนี้เขาและเพื่อนได้เดินทางมาท่องเที่ยวในฝรั่งเศส ระหว่างนี้เขาเริ่มลงมือเขียนนิยายเรื่องใหม่ The Happy Death 
1938 ได้รู้จักกับปาสคาล  (Pascal Pia) เจ้าของหนังสือพิมพ์ฝ่ายซ้าย the Alger Republicain ซึ่งได้ชวนคามูส์ไปทำงานด้วย
1940 เมื่อสงครามโลก ครั้งที่ 2 ใกล้จะปะทุขึ้น หนังสือพิมพ์อัลเจอร์ รีพับบลิ ก็ปิดตัวลง  , ปาสคาลช่วยหางานให้คามูส์ใหม่ โดยที่เขาได้ไปทำงานกับหนั่งสือพิมพ์ Paris-Soir แทน 
พฤษภาคม, นาซีเยอรมันทิ้งระเบิดกรุงปารีส และไม่นานฝรั่งเศสก็ประกาศยอมแพ้ 
ก่อนหน้าที่เยอรมันจะเดินขบวนสวนสนามเข้ามาในปารีสไม่กี่วัน คามูส์ก็หนีออกจากปารีสมายังเคลอร์มอนต์ (Clermont)
ช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 เขามีจุดยืนแบบฝ่ายต่อต้านสงคราม คามูส์โจมตีทั้งสตาลิน และฮิตเลอร์พร้อมๆ กัน
3 ธันวาคม, แต่งงานกับฟรานไซน์ (Francie Faure) นักเปียโนและนักคณิตศาสตร์ พวกเขามีลูกฝาแฝดด้วยกันเกิดในปี 1945 ชื่อแคเธอรีน (Catherine) และฌอห์น (Jean) หลังแต่งงานไม่นานพวกเขาเดินทางกลับมายังอัลจีเรีย
1942 ตีพิมพ์ผลงานเขียนเรื่อง The Stranger ผลงานชิ้นเอกของเขา แลยังมีผลงานแนวปรัชญาอย่าง The Myth of Sisyphus
พฤษภาคม, คามูส์ได้เดินทางกลับมายังฝรั่งเศส โดยไปอาศัยอยู่ที่หมู่บ้าน Le Panelier หมู่บ้านเล็กๆ ใกล้กับเมืองลีองส์ (Lyons)
1943 ได้ทำงานกับหนังสือพิมพ์ Combat หนังสือพิมพ์ของฝ่ายต่อต้านนาซี 
1944 ฝรั่งเศสได้รับการปลดปล่อยจากนาซี คามูส์เข้าทำงานกับหนังสือแม็กกาซีน Paris-Soir
1946 มีนาคม, เดินทางมาสหรัฐฯ ตามคำเชิญของสำนักพิมพ์ ระหว่างอยู่ในสหรัฐฯ เขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกหลายคนระหว่างอยู่ในสหรัฐฯ อาทิ แพทริเซีย (Patricia Blake)
1947 พิมพ์ The Plague, เป็นหนังสือที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเขาในแง่รายได้
1948 เมษายน, เดินทางมาอัลจีเรียอีกครั้งช่วงเวลาสั้นๆ  หลังจากกลับจากอัลจีเรียเขาเดินทางไปอังกฤษก่อนที่จะกลับฝรั่งเศส
1954 เกิดสงครามในอัลจีเรีย 
1955 กลับมาทำงานกับหนังสือพิมพ์ โดยเขียนคอลัมน์ลงใน L’Express 
1957 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม
1960 4 มกราคม, เสียชีวิต จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ใน Le Grand Fossard, Villeblevin โดยเขาเป็นผู้โดยสารนั่งไปในรถยนต์ที่เพื่อนของเขา มิเชล (Michel Gallimard) เป็นคนขับ
ร่างของเขาถูกฝังที่สุสานในเมืองลัวร์มาริน (Lourmarin, Provencal)
นวนิยาย
The Stranger, 1942
The Plague, 1947
The Fall, 1956

A Happy Death, 1971
Don`t copy text!