จอร์จ เบล็ค (George Blake)
สายลับ
เบล็ค เกิดวันที่ 11 พฤศจิกายน 1922 ในรอตเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ (Rotterdam, Netherlands) เขามีชื่อจริงว่าจอร์จ บีฮาร์ (George Behar) พ่อของเบล็คเป็นชาวอียิปต์ที่มีเชื้อยิว ชื่ออัลเบิร์ต (Albert Behar) เคยทำงานเป็นทหารให้กองทัพอังกฤษในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 1 เขาจึงตั้งชื่อลูกว่าจอร์จ ตามชื่อพระนามกษัตริย์จอร์จ ที่ 5 ของอังกฤษส่วนแม่เป็นชาวเนอร์แลนด์
1936 พ่อของเบล็คเสียชีวิต หลังจากนั้นเบล็คจึงถูกส่งให้ไปอาศัยอยู่กับญาติในอียิปต์ เขาจึงเข้าโรงเรียนที่สอนด้วยภาษาอังกฤษในกรุงไคโร
ระหว่างอยู่ในอียิปต์เขาใกล้ชิดกับญาติของเขาคนหนึ่ง คือ เฮนรี่ (Henri Curiel) ซึ่งแก่กว่าเขาเป็นสิบปี เฮนรี่เป็นผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์และต่อมาเฮนรี่เป็นแกนนำของกลุ่ม Democratic Movement for National Liberation ซึ่งเป็นองค์กรของผู้นิยมคอมมิวนิสต์ เฮนรี่ มีอิทธิพลทำให้เบล็คชอบแนวคิดแบบซ้ายไปด้วย
1940 ช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 เมื่อนาซีเยอรมันบุกเนเธอร์แลนด์ แม่และพี่สาวน้องสาวของเขาได้หนีไปยังอังกฤษแต่ว่าเบล็คในวัยเพียงแค่ 17 ปี ได้กลับมายังเนเธอร์แลนด์และได้เข้าร่วมกับกองกำลังที่ต่อต้านนาซี
1942 เบล็คพยายามเดินทางมายังอังกฤษ โดยต้องลักลอบเดินทางผ่านฝรั่งเศสซึ่งตอนนั้นอยู่ภายใต้การยึดครองของนาซี และยังต้องผ่านสเปนและเบลเยี่ยมด้วย
1943 มกราคมเบล็คเดินทางมาถึงอังกฤษ และมีโอกาสได้พบกับแม่ของเขาในอังกฤษ ซึ่งแม่ได้เปลี่ยนนามสกุลจาก Behar เป็น Blake
ไม่นานเบล็คได้อาสาสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพเรือของอังกฤษ
1944 สิงหาคม, เบล็คถูกย้ายไปทำงานในหน่วยสายลับของอังกฤษ (British Secret Interligence Service) หรือที่รู้จักในชื่อ MI6 ในแผนกด้านเนเธอร์แลนด์
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเปลี่ยนเป้าหมายมาสนใจสหภาพโซเวีย เบล็คถูกย้ายมาอยู่ในอัมบูร์ก, เยอรมัน และเขาเร่ิมศึกษาภาษารัสเซีย
1948 เข้าถูกส่งไปเป็นสายลับอยู่ในโซลช่วงก่อนสงครามเกาหลี เพื่อหาข้อมูลของโซเวียต, จีนและเกาหลี โดยเขาอยู่ใต้บังคับบัญชาของวีเวียน โฮล์ต (Vyvyan Holt)
1950 เมื่อเกิดสงครามเกาหลี กองทัพเกาหลีเหนือขอคิม อิล ซุง (Kim II-Sung) สามารถยึดโซลเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว เบล็คก็ถูกจับตัวเป็นเชลยสงคราม
1951 ระหว่างที่ถูกขังอยู่ในค่ายเชลยสงคราม เบล็คก็ได้ยืนข้อเสนอผ่านเจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือผ่านไปยังหน่วยจารกรรมของสหภาพโซเวียต เพื่อที่จะขอทำงานด้วย โดยเขาให้เหตุผลกับเจ้าหน้าที่ของเคจีบีในตอนนั้นว่า เขาทดไม่ได้ที่เห็นสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดฆ่าคนเกาหลีมากมายทั้งผู้หญิงและเด็ก เขารู้สึกละอายที่ประเทศของเขาทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ และรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดข้างในสงคราม
1953 หลังข้อตกลงยุติการใช้กำลังทหารระหว่างสองเกาหลีบรรลุผล และสงครามเกาหลีสิ้นสุดลงอย่างไม่เป็นทางการ เบล็คก็ได้ถูกพากลับอังกฤษอย่างวีรบุรุษ
ตุลาคม, เบล็ค แต่งงานกับกิลเลียน อัลเลน (Gillian Allan) เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของ MI6 พวกเขามีลูกด้วยกันสามคน
1955 เบล็คถูกส่งให้ไปทำงานในเบอร์ลินโดยมีหน้าทีพยายามหาหรือจ้างสายลับสองหน้าของโซเวียต
เบล็คเป็นหนึ่งในสายลับที่รายงานโซเวียตให้ทราบถึงแผนโกลด์ (Operation Gold) ซึ่งเป็นปฏิบัติการร่วมของ CIA และ MI6 ในการลักลอบดักฟังโทรศัพท์ของกองทัพโซเวียตในเบอร์ลิน โดยการสร้างอุโมงค์ลับเข้าไปในเขตเยอรมันตะวันออก
1961 เบล็คถูกจับได้ว่าเป็นสายลับให้กับโซเวียต หลังจากถูกเปิดโปโดยมิคาอิล (Michael Goleniewski) สายลับโปแลนด์ที่แปรพักตร์
พฤษภาคม, เบล็คถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 42 ปี เบล็คถูกขังเอาไว้ในเรือนจำวอร์มวู๊ด (Wormwood Scrubs prison)
1966 22 ตุลาคม, เบล็คหนีออกจากคุกมาได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจากนักโทษในเรือนจำด้วยกันที่เข้ารู้จักระหว่างอยู่ในคุก คือซีน บูร์เก้ (SEan Bourke) , ไมเคิ้ล แรนเดิ้ล (Michael Randle) และแพท พอตเติ้ล (Pat Pottle)
หลังจากหลบหนีออกมา เบล็คได้เดินทางผ่านเบอร์ลินมายังมอสโคว์ ซึ่งเขาอาศัยอยู่ในมอสโคว์นับตั้งแต่นั้น
1991 เบล็คเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเองในชื่อ No Other Choice
2007 เขียนหนังสือ Transparent Walls
เบล็คได้รับรางวัล Order of Friendship จากรัสเซีย
2011 ภาพยนต์ชีวประวัติของเบล็คถูกสร้างขึ้นในชื่อ Быбор агента Блейка (The Choice of Blake) ออกอากาศในช่อง First Channel ของรัสเซีย
2015 BBC Storyville ทำสารคดี Masterspy of Moscow— George Blake
เบล็คในวัย 95 ปี ยังมีชีวิตและอาศัยอยู่ในมอสโคว์