Numquam prohibere somniantes 

Never stop dreaming

Edgar Codd

เอ็ดการ์ ค๊อดด์ (Edgar Frank “Ted” Codd)

Turing award 1981 จากผลงานการออกแบบ Relational Database 

เอ็ดการ์ เกิดวันที่ 19 สิงหาคม 1923 ในดอร์เซ็ต, อังกฤษ (Fortuneswell, Dorset, England) เขาเป็นลูกคนเล็กในพี่น้องทั้งหมดเจ็ดคน พ่อของเขาทำโรงงานหนังสัตว์ ส่วนแม่เป็นครู 

1930s เร่ิมเรียนหนังสือที่โรงเรียนประถมพูเล่ (Poole Grammar School) 

1941 เข้าเรียนที่วิทยาลัยเอ็กเซ็กเตอร์, มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด (Exeter College, Oxford) ทางด้านคณิตศาสตร์และเคมี 

1942 ในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 เขาสมัครเป็นนักบินให้กับกองบัญชาการชายฝั่งของกองทัพอากาศอังกฤษ (RAF Coastal Command) ซึ่งเขาได้ขับเครื่องบิน Sunderlands

1945 หลังสงครามโลก เอ็ดการ์ได้กลับมาเรียนต่อที่อ๊อกฟอร์ด

1948 เมื่อเรียนจบ เอ็ดการ์ได้ย้ายมาอยู่ในนิวยอร์ค และได้ทำงานเป็นเซลล์แมนกับบริษัท Macy’s ซึ่งเป็นบริษัทขายชุดกีฬาผู้ชาย ก่อนที่ต่อมาจะได้งานสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซี (University of Tennessee) อยู่อีก 6 เดือน

1949 ย้ายมาทำงานให้กับ IBM โดยมีตำแหน่งเป็นโปรแกรมเมอร์ทางด้านคณิตศาตร์ ให้กับโครงพัฒนาเครื่อง Selective Sequenc Electronic Calculator ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์แบบหลอดสูญญากาศ 

1953 ย้ายไปอยู่ในแคนาดา ในช่วงที่เกิดลัทธิแมคาธีลิซึ่ม (McCarthyism) ในสมัยของประธานาธิบดีทรูแมน (Harry S. Truman) ซึ่งสั่งให้มีการสกรีนเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน ว่ามีความสวามิภักดิ์ต่อสหรัฐฯ หรือไม่  ซึ่งคำสั่งประธานาธิบดีของทรูแมน ทำให้เกิดช่องโหว่และมีการล่าแม่มด โดยการกล่าวหาผู้คนมากมายว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เผด็จการ หรือนาซี โดยปราศจากหลักฐาน เอ็ดการ์เป็นคนหนึ่งที่ถูกล่าวหาว่าฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ เขาจึงได้ย้ายออกจากสหรัฐฯ เพื่อเป็นการประท้วง

1957 กลับมาทำงานให้กับ IBM อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาคอมพิวเตอร์ IBM 701, IBM 702, “STRETCH” IBM 7030 ซึ่งเป็นแบบของเมนเฟรม IBM 7090

เขายังเป็นผู้สร้างระบบควบคุมแบบหลายคำสั่งพร้อมกัน (multiprogrammed control system) ขึ้นมาเป็นครั้งแรก

1961 เขาได้รับทุนจาก IBM ทำให้เข้าเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) ทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งในช่วงเวลานี้เองที่เอ็ดการ์ได้รับสถานะพลเมืองสหรัฐฯ​ 

1965 จบปริญญาเอกจาก ม.มิชิแกน  โดยทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับวิธีการสำเนาตัวเอง (Self-replication) ในระบบเซลลูลาร์ ออโตเมตอน (Culluar automaton) 

1968 เขียนหนังสือ Cellular Automata ออกมา

1968 ย้ายมาทำงานที่ศูนย์วิจัยซานโจส (San Jose Research Laboratory) ของ IBM ในซานฟรานซิสโก้ ซึ่งงานวิจัยของเขาที่ศูนย์วิจัยซานโจส เร่ิมโครงการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาฐานข้อมูลแบบ Relational Database Model

1976 ได้รับทุนวิจัยจาก IBM 

1978 หย่ากับอลิซาเบธ (Elizabeth) ซึ่งเป็นภรรยาคนแรกของเขา

สร้าง Rendezvous Project ขึ้นมา

1981 ได้รับรางวัล Turing Award 

1982 IBM เปิดตัว SQL/DS และ Database Management System (DBMS) ซึ่งต่างก็อาศัย Relational Model ซึ่งเอ็ดการ์เป็นผู้พัฒนา

1983 เกิดอาการป่วยอย่างหนัก จนทำให้เขาลาออกจาก IBM แ

1985 ตั้งบริษัทที่ปรึกษา Codd and Date Consulting Group และบริษัท Rational Institue ขึ้นมา ซึ่งทั้งสองเป็นบริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับการนำ RDMS ไปใช้ ซึ่งบริษัทตั้งอยู่ในซานโจส ซึ่งผู้ร่วมก่อตั้งยังมี คริส เดต (Chris Date) และ ชารอน ไวน์เบิร์ก (Sharon weinberg)

1990 เอ็ดการ์และชารอนก็ได้แต่งงานกัน

1999 เขาเกษียณตัวเอง และหยุดพักการทำงาน

2003 18 เมษายน, เสียชีวิตในวัย 79 ปี ภายในบ้านพักของเขาในฟอร์ริด้า

Don`t copy text!