Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Tale of Two Brothers

Tale of Two Brothers เป็นเรื่องราวที่ถูกบันทึกเขาไว้บนกระดาษปาไปรัส ดี ออร์บินีย์ (Papyrus D’Orbiney) ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาเอาไว้ที่พิพิทธภัณฑ์อังกฤษ (British Museum)

เป็นเทพนิยายที่เกิดขึ้นในช่วงรัชสมัยของฟาโร์ เซติ ที่ 2 (Pharoah Seti II) ซึ่งพระองค์ครองราชระหว่างปี 1200-1194 ในราชวงศ์ที่ 19 ของอียิปต์

Tale of Two Brothers เล่าถึงของพี่น้องสองคน คือ อนุบิส (Anubis หรือ Anpu) เป็นพี่ชายคนโต อนุบิส นั้นแต่งงานมีภรรยาแล้ว ส่วนคนน้องมีชื่อว่าบาต้า (Bata หรือ Bet) ทั้งสองคนพี่น้องนี่ช่วยกันทำมาหากิน ทั้งทำการเกษตรปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์ 

อยู่มาวันหนึ่ง ตอนที่อนุบิสและบาต้าออกไปช่วยกันทำไร่ แต่บาต้าถูกพี่ชายบอกให้กลับมาที่บ้านเพื่อเอาเมล็ดพันธุ์พืชที่เก็บไว้  เมื่อบาต้ากลับมาที่บ้าน ภรรยาของอนุบิสได้พยายามที่จะยั่วยวนบาต้า แต่ว่าบาต้าปฏิเสธ ภรรยาของอนุบิสโกรธจึงได้ไปบอกกับสามีของนางว่า น้องชายของเขาพยายามจะย่ำยีนาง

อนุบิสที่ได้ฟังคำบอกของภรรยาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และหมายมั่นที่จะฆ่าบาต้าให้ได้ บาต้าจึงต้องหนีเอาชีวิตรอด และระหว่างทางเขาก็ได้อธิษฐานกับเทพเจ้าเร (Ra- Khorahti) ให้ช่วยชีวิตของเขา

เทพเจ้าเรเมื่อได้ฟังคำอธิษฐานก็ทรงบันดาลให้เกิดแม่น้ำขึ้นมาระหว่างชายสองพี่น้อง โดยที่ในแม่น้ำมีจระเข้อาศัยอยู่เต็มไปหมด ทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถที่จะมีเรื่องกันได้  

บาต้าอาศัยจังหวะนี้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับพี่ชายของตนเองฟัง โดยที่บาต้ายืนยันความบริสุทธิของตัวเองด้วยการตัดอวัยวะเพศของตนเอง และโยนลงไปในแม่น้ำ ซึ่งปลาดุก (catfish) ก็ได้กินเอาอวัยวะเพศของบาต้าเข้าไป

หลังจากนั้นบาต้าก็เดินทางเข้าไปในหุบเขาซีดาร์ (Cedar valley) ซึ่งมีต้นซีดาร์ขึ้นอยู่เต็มไปหมด เขาถอดเอาหัวใจของตัวเองไปวางไว้ที่ยอดของต้นซีดาร์ โดยบอกกับพี่ชายไว้ว่าถ้าวันหนึ่งต้นซีดาร์ถูกตัดลงมาเขาก็จะตาย  แต่ถ้าจะทำให้เขากลับมามีชีวิตได้อีกก็ให้เอาหัวใจไปแช่ในน้ำเย็น

หลังจากอนุบิสได้ฟังคำอธิบายของบาต้าแล้ว เขาก็เดินทางกลับไปที่บ้านและก็ลงมือฆ่าภรรยาของตนเอง

ในขณะที่บาต้ายังคงอยู่ในหุบเขาซีดาร์  เทพเอ็นเนียด (Ennead) และเทพคานุม (Khnum) ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา เพราะความสงสารในชะตากรรมของบาต้า เทพคานุมจึงได้เสกภรรยาให้กับบาต้า

แต่เพราะว่าภรรยาของบาต้ามีความงดงามมากเพราะเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา เมื่อฟาโรห์เห็นเข้าฟาโรห์จึงได้สั่งให้ทหารมารับตัวภรรยาของบาต้าไปอยู่กับพระองค์ 

ฝ่ายภรรยาของบาต้าได้บอกกับฟาโรห์ว่าให้พระองค์ตัดต้นซีดาร์ทิ้ง เพื่อที่หัวใจที่อยู่บนต้นไม้จะได้หล่นลงมา และบาต้าจะได้เสียชีวิต ซึ่งฟาโรห์ก็ทำตาม และบาต้าก็เสียชีวิต 

เมื่อบาต้าเสียชีวิต อนุบิสพี่ชายก็เดินทางออกตามหาหัวใจของน้องชาย ซึ่งเขาใช้ค้นหานานถึงสามปี กว่าจะพบหัวใจของบาต้าอีกครั้ง และเมื่อเขาพบหัวใจแล้วก็นำเอามันในใส่ในถ้วยที่มีน้ำเย็น นั่นทำให้บาต้ากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งในร่างของวัวกระทิง

บาต้าในร่างของวัวกระทิงรีบเดินทางไปหาฟาโรห์และภรรยขาของเขาทันที ฝ่ายภรรยาก็จำบาต้าได้แม้ว่าจะอยู่ในร่างของวัวกระทิง เธอจึงบอกกับฟาโรห์ว่าต้องการที่จะกินตับของกระทิง

ฟาโรห์จึงสั่งให้ทหารจับวัวกระทิงมาฆ่า ซึ่งเลือดของวัวกระทิงได้หยดลงบนพื้นดินสองหยด และกลายเป็นต้นเฟอร์เซีย (Persia tree)

แต่ว่าภรรยาของบาต้ายังคงจำอดีตสามีได้แม้ว่าจะกลายเป็นต้นไม้ จึงได้บอกฟาโรห์ให้สั่งให้ทหารตัดต้นเฟอร์เซียลงมา และนำไปทำเฟอร์นิเจอร์  ซึ่งระหว่างที่ช่างกำลังทำเฟอร์นิเจอร์อยู่ ภรรยาของบาต้าก็ยืนสังเกตุการณ์อยู่ด้วย และปรากฏว่าเสี้ยนไม้จากต้นอะโวคาโดได้กระเด็นเข้าไปในปากของนาง และทำให้นางเกิดตั้งครรภ์ และในเวลาต่อมานางก็ให้กำเนิดพระโอรส

เมื่อพระโอรสเจริญพระชันษาขึ้นมา ฟาโรห์ก็ได้แต่งตั้งพระองค์ให้เป็นมงกุฏราชกุมาร จนกระทั้งเมื่อฟาโรห์สวรรคต พระโอรสก็ได้ขึ้นมาเป็นฟาโรห์พระองค์ใหม่ 

ซึ่งเมื่อเบต้ากลายเป็นฟาโรห์แล้ว เขาก็ได้แต่งตั้งอนุบิสพี่ชายของตนเองให้เป็นมงกุฏราชกุมาร และทั้งสองก็ร่วมกันปกครองดินแดนอย่างมีความสุข …

Don`t copy text!