Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Taiping Rebellions

กบฏไทปิง (Taiping Rebellion)

เป็นสงครามประชาชน ระหว่างชาวจีนแมนจู (Manchu) ซึ่งเป็นฝ่ายราชวงชิง (Qing dynasty) กับฝ่ายชาวจีนฮักกา (Hakka) หรือจีนแคะ ที่สนับสนุนหง ซิ่วฉวน (洪秀全, Hong Xiuquan) ซึ่งอ้างตัวเองเป็นน้องชายของพระเยซูคริสต์ และได้สถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรสวรรค์ไทปิง (Taiping Heavenly Kingdom)

ก่อนเกิดเหตุการณ์กบฏไทปิง ในปี 1850 สภาพสังคมของจีนในสมัยราชวงศ์ชิง เผชิญกับวิกฤตหลายเรื่อง จากการที่เพิ่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่น ครั้งที่ 1 (First Opium war, 1839-1840) ทำให้อำนาจการควบคุมทางเศรษฐกิจหลายอย่างตกไปอยู่ในมือต่างชาติ การขาดดุลการค้ามหาศาล จากการที่ประชาชนติดฝิ่น และประเทศเผชิญกับวิกฤตภัยแล้งหลายครั้ง ทำให้ประชาชนอดอยาก แต่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูง และปัญหาการคอร์รัปชั่น 

สังคมโดยเฉพาะชาวจีนทางใต้ของประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น (ฮักกา เป็นกลุ่มย่อยของชาวฮั่น) เกิดความรู้สึกที่ต่อต้านชาวจีนแมนจู และส่วนหนึ่งก็เกิดจากการปลุกปั่นของมิสชันนารีต่างชาติ

1837 หง ซิ่วเฉียน (Hong Xiuquan) ชาวจีนฮักกาที่มีฐานะยากจนจากมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong) สอบตกในการทดสอบเข้ารับราชการ (imperial examination) เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งความผิดหวังจากการสอบหลายครั้ง ทำให้เขาเกิดอาการทางจิต หงซิ่วเฉียน เริ่มอ้างว่าตนเองได้เดินทางไปสวรรค์และพบกับพ่อของตัวเองที่อยู่บนสวรรค์ 

1843 หงชิ่วเฉียน สอบตกในการทดสอบเข้ารับราชการเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งหลังจากสอบไม่ผ่าน เขาก็หันมาสนใจอ่านใบปลิวที่พวกมิสชันนารีเผยแพร่ศาสนาแจกอย่างตั้งอกตั้งใจ และหลังจากอ่านแล้ว เขาก็ตีความความฝันของตัวเองใหม่ ว่าพ่อที่เขาได้เดินทางไปพบบนสวรรค์นั้น แท้จริงแล้วคือเทพพระเจ้าสูงสุดบนสวรรค์ และพระเยชูคริสต์ (Jesus Christ) ก็เป็นพี่ชายของตัวเขาเอง  โดยหงซิ่วเฉียนอ้างว่าตัวเองได้รับมอบหมายให้กำจัดปีศาจ รวมถึงโค่นล้มราชวงศ์ชิง และต่อต้านคำสอนของขงจื้อด้วย 

1844   หงซิ่วเฉียน ร่วมกับลูกศิษย์ของเขา ที่ชื่อ เฟ่ง หยุนชาน (Feng Yunshan) ก่อตั้งสมาคมบูชาพระเจ้า  (God Worshipping Society) หรือ ไบฉางตี้หุ้ย (拜上帝会) ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่คำสอนของหงซิ่วเฉียน ซึ่งผสม เอาคริสต์ศาสนาที่หงซิ่วเฉียนตีความใหม่ตามความเชื่อของตัวเองให้มีความเป็นตะวันออก และผสมเข้ากับแนวคิดของขงจื้อ, และลัทธิเต๋า ซึ่งอาจเรียกว่าเป็น คริสต์นิกายไทปิ่ง (Taiping Christianity) ที่พระเจ้าสูงสุดคือ ฉางตี้ (Shangdi)

ไม่นาน หงซิ่วเฉียน มีพี่น้องร่วมสาบานอีกสองคน คือ เสี่ยว เฉากุย (萧朝贵, Xiao Chaogui) และหยาง ซิ่วฉิง (杨秀清, Yang Xiuqing) ซึ่งทั้งสองกลายเป็นแม่ทัพคนสำคัญของกองทัพไทปิ่ง

ซึ่งคริสต์นิกายไทปิ่งนี้ในระยะแรกได้รับความยอมรับในหมู่ของโจรสลัดและโจรที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งคนพวกนี้ทำสงครามกองโจรต่อต้านราขวงศ์ชิง และถูกปราบปรามจนเกิดเป็นสงครามประชาชนในประเทศจีน

1847 หงซิ่วเฉียน เดินทางไปกวางโจว (Guangzhou) และได้เข้าเรียนคัมภีร์ไบเบิ้ลกับ อิสซาชาร์ โรเบิร์ต (Issachar Jacox roberts) มิสชันนารีชาวอเมริกัน แต่ว่าโรเบิร์ต

1850 เดือนธันวาคม,​ เกิดการรบครั้งใหญ่ระหว่างฝ่ายไทปิ่งกับรัฐบาลชิง ในมณฑลกวางซี (Guangxi) โดยทหารฝ่ายไทปิ่งนั้นนำโดย เฟ่งหยุนชาน และ เว่ย ชางฮุย (韦昌辉, Wei Changhui) โดยฝ่ายไทปิ่งนั้นมีกำลังกว่า 10,000 คน

1851 1 มกราคม, หงซิ่วเฉียน สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ แห่งประกาศตั้งอาณาจักรสรวงสรรค์ไทปิ่ง (Taiping Heavenly Kingdom) ขึ้นมาอู่ชาง (Wuchang) บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเอาไว้ได้ 

1852 กองทัพชิงจับตัว หง ต้าเชียน (Hong Daquan) แกนนำคนหนึ่งของไทปิงเอาไว้ได้ โดย หงต้าเชียน นี้มีตำแหน่งเป็น Tian De Wang (King of Heavenly Virtue) ซึ่งเปรียบเสมือนจักรพรรดิร่วมของอาณาจักรสวรรค์ไทปิง

1853 กุมภาพันธ์, เมืองอันชิง (Anqing) ถูกฝ่ายไทปิ่งยึดได้

มีนาคม, กองทัพไทปิงสามารถยึดเมืองนานกิง (Nanjing) ได้  และไม่นานหงซิ่วเฉียนก็ได้ประกาศตั้งเมืองนานกิงให้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรสววรค์ไทปิง และเปลี่ยนชื่อนานกิงเป็นเทียนจิง (Tianjing)

แต่ว่าหงซิ่วเฉียนซึ่งมองชาวแมนจูทุกคนเป็นปีศาจที่ต้องกำจัด ทำให้เขาสั่งให้มีการฆ่า เผา ชาวแมนจูทุกคนอย่างโหดเหี้ยม 

ซึ่งหลังจากตั้งนานกิงเป็นเมืองหลวงแล้ว หงซิ่วเฉียนปล่อยมือจากการบริหารและสั่งงานโดยตรง แต่ว่าเขาวางตัวเองในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณที่คอยเขียนคำสอนทางศาสนาออกมา และในด้านชีวิตส่วนตัวเขาใช้ชีวิตอย่างหรูหราและมีผู้หญิงเป็นนางบำเรอมากมาย 

หงซิ่วเฉียนได้แต่งตั้งคนสนิทของเขาขึ้นเป็นพระราชา (King) ได้แก่

เว่ย ชางฮุย (韦昌辉,Wei Changhui) เป็นราชาอุดร (Northern King)

เฟ่ง หยุนชาน (Feng Yunshan) เป็นราชาทักษิณ (Southern King)

เสี่ยว เฉากุย (萧朝贵, Xiao Chaogui) เป็นราชาประจิม (western King) 

หยาง ซิ่วชิง (杨秀清, Yang Xiuqing) เป็นราชาบูรพา (Eastern King)

ชี ต้าไก (石达开, Shi Dakai) เป็นราชาปีกนก (Wing King) หรือราชาห้าพันปี (Lord of Five Thousand Years)

หลังจากตั้งนานกิงเป็นเมืองหลวง ความสัมพันธ์ระหว่างหงซิ่วเฉียน และบรรดาแกนนำที่มีตำแหน่งเป็นราคาก็แย่ลง เช่น มีความขัดแย้งเรื่องสมบัติระหว่างญาติของราชาอุดร กับญาติของหงซิ่วเฉียน ทำให้หงซิ่วเฉียนโกรธและสั่งให้ราชาอุดร-เว่ยชางฮุย ลงโทษญาติตัวเอง เว่ยชางฮุยเลยสั่งให้ประหารญาติตัวเองโดยการตัดร่างเป็น 5 ท่อน อย่างไม่เต็มใจ

และหลังจากหลังจากที่เฟ่งหยุนชาน, ราชาแห่งทักษิณ และเสี่ยวเฉากุย, ราชาแห่งประจิม เสียชีวิตลง อำนาจทางทหารส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในอำนาจของ หยางซิ่วชิง,ราชาบูรพาซึ่งมีกำลังทหารแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาราชาทั้ง 5 ทิศของอาณาจักรสวรรค์

1856 มิถุนายน, กองทัพไทปิ่งฝ่ายแพ้ให้กับกองทัพชิง ที่นำโดยแม่ทัพเชียง หลง (Xiang Rong) ทำให้เมืองนางกิงถูกปิดล้อม

9 สิงหาคม,แม่ทัพเชียงหลง เสียชีวิต ทำให้หยางซิ่วชิงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะยึดอำนาจในอาณาจักรสวรรค์ไทปิง 

ตุลาค, Taiping Incident ความขัดแย้งภายในระหว่างบรรดาแกนนำของอาณาจักรสวรรค์ฯ 

หยางซิ่วชิง นั้นแกล้งทำเป็นว่า “พระเจ้า” ได้เข้าสิงเขา และได้แต่งตั้งให้เขามีตำแหน่งเป็น ว่านซุ้ย (Wansui, Ten Thousand Years) ซึ่งเดิมตำแหน่งนี้มีแต่งหงซิ่วเฉียนเท่านั้น

นอกจากนั้หยางซิ่วชิงยังสั่งให้แม่ทัพ เว่ยชางฮุย, ชี ต้าไก (石达开, Shi Dakai), ฉิน รีกาง (秦日綱,Qin Rigangก) นำกองทัพออกจากเมืองหลวงไปคนละทิศคนละทาง เพื่อไม่ให้เหลือกองทัพที่จะปกป้องหงซิ่วเฉียน

หงซิ่วเฉียนนั้นเห็นว่าการกระทำของหยางซิ่วชิงนั้นเป็นการพยายามก่อกบฏ จึงได้รีบส่งข่าวแจ้งให้แม่ทัพทั้งสามคนของเขาเดินทางกลับมายังเมืองหลวงเป็นการด่วน ซึ่งแม่ทัพเว่ยชางฮุย และแม่ทัพฉินรี่กาง นั้นเดินทางกลับมาทันการณ์ และได้ทำกำลังทหารบุกเข้าไปยังวังของหยางซิ่วชิง และสั่งหารหยางซิ่วชิงและครอบครัวทิ้งทั้งหมด และหลังจากนั้นผู้ที่สนับสนุนหยางซิ่วชิงที่มีกว่าหกพันคนก็ถูกลวงมาฆ่าตายจนหมน ซึ่งใช้เวลากว่าสามเดือน

ตุลาคม, ส่วนแม่ทัพ ชีต้าไก ซึ่งเดินทางกลับมาช้าที่สุด ทำให้เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ และแม่ทัพเว่ยชางฮุย ก็ได้นำทหารบุกไปสั่งหารครอบครัวของแม่ทัพชีต้าไกทันทีในคืนที่เขากลับเข้ามายังนานกิง แต่ว่าแม่ทัพชีต้าไกนั้นหนีไปได้ และได้รวบรวมทหารของเขากว่าแสนนาย โดยสั่งให้ล่าสังหารแม่ทัพเว่ยชางฮุย และแม่ทัพฉินรี่เกงเพื่อเป็นการล้างแค้น

หลังจากแม่ทัพเว่ยชางฮุยและแม่ทัพฉินรี่เกงถูกสังหารแล้ว ชีต้าไกก็กลายเป็นผู้ควบคุมกองทัพทั้ง 5 ของอาณาจักรสวรรค์ แต่ว่าตัวเขานั้นไม่ต้องการจะอยู่ในตำแหน่งที่เสี่ยงต่อชีวิต ชีต้าไกจึงได้นำทัพของเขาไปอยู่ในเสฉวน

เมื่อชีต้าไกวางมือแล้ว อาณาจักรไทปิ่งก็เหมือนขาดหัวเรือใหญ่ เพราะหยางซิ่วชิงนั้นก็วางมือจากการบริหารไปแล้ว ผู้นำระดับสูงที่เหลืออยู่ของไทปิง จึงได้พยายามหันไปจับมือกับชาติตะวันตก แต่ว่าไม่สามารถชักจูงให้ตะวันตกมาสนับสนุนได้ 

ธันวาคม, กองทัพรัฐบาลชิง สามารถยึดเมืองอู่ฉาง (Wuchang) กลับไปได้

นอกจากนั้นความนิยมในความเชื่อตามคริสต์ศาสนาแบบไทปิ่งก็ไม่ได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนทั่วไป ลัทธิขงจื้อและวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมยังคงมีความสำคัญและเข้ากับวิถีชีวิตของประชาชนทั่วไปมากกว่า ทำให้พวกเขายังสนับสนุนรัฐบาลชิง

ในมณฑลฮูหนาน (Hunan) เกิดของกำลังต่อต้านรัฐบาลไทปิง นำโดย เจ้ง กัวฟาน (Zeng Guofan) ที่ได้ตั้งกองทัพ เซียง (Xiang Army) ขึ้นมาเพื่อต่อต้านรัฐบาลไท่ปิง

1858 กองทัพเซียง สามารถยึดเมืองจุ้ยเจียง (Jiujiang) และ เจียงซี (Jiangxi) ได้

1860 พฤษภาคม, การรบที่เจียงหนาน (Battle of Jiangnan) กองทัพชิง ซึ่งนำโดยกองทัพ Green Standard Army ได้พยายามบุกนานกิง เมืองหลวงชองไท่ปิงแต่ว่ากองทัพชิงเป็นฝ่ายแพ้

1861 มิถุนายน, กองทัพชิงพยายามยึดช่างไห่ (Shanghai) ซึ่งใช้เวลากว่า 15 เดือน โดยได้รับการสนับสนุนจากชาวยุโรป นำโดยทหารชาวอเมริกันชื่อ เฟรเดอริก วาร์ด (Frederick Townsend Ward) ซึ่งกองทัพที่นำโดยเฟรเดอริกนี้ถูกเรียกว่า Ever Victorious Army

22 สิงหาคม, จักรพรรดิเซียนเฟง (Emperor Xianfeng) ของชิงสวรรคต

กันยายน, (Battle of Anqing) กองทัพเซียง ที่นำโดยเจ้งกัวฟานก็สามารถยึดเมืองอันชิงได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรืออังกฤษที่ช่วยปิดน่านน้ำเอาไว้

ธันวาคม, กองทัพของไท่ปิงสามารถยึดฮางโจว (Hangzhou) และหนิงโบ (Ningbo)

1862 มกราคม, กองทัพไท่ปิงพยายามจะยึดช่างไห่แต่ว่าไม่สำเร็จ โดยทหารของเฟรเดอริกสามารถตั้งรับการโจมตีเอาไว้ได้

1863 ชีต้าไกที่อยู่ในเสฉวนยอมแพ้ให้รัฐบาลชิง แต่ว่าตัวเชานั้นถูกประหารชีวิตด้วยการแล่เนื้อที่ละชิ้นอย่างทารุณ

1864 กองทัพชิงยกทัพมาเสริมในการปิดล้อมนานกิง ทำให้ภายในเมืองเกิดการขาดแคลนอาหารอย่างหนัก

มิถุนายน, หงซิ่วเฉียน เสียชีวิตจากการขาดสารอาหาร ซึ่งหลังจากเขาเสียชีวิตไม่กี่วันกองทัพชิงก็เข้ายึดนานกิงได้สำเร็จ ส่วนร่างของหงซิ่วเฉียนซึ่งตอนที่เชาตายนั้นถูกนำไปฝังที่สุสานราชวงศ์หมิง แต่เมื่อกองทัพชิงยึดเมืองได้ก็ได้ขุดร่างขึ้นมาพิสูจน์ให้แน่ใจ ก่อนจะนำไปเผา และเอาเถ้ากระดูกใส่ในปืนใหญ่แล้วยิงให้กระจัดกระจาย เพื่อให้ดวงวิญญาณของเขาไม่ได้ผุดได้เกิดอีก

กรกฏาคม, อาณาจักรสวรรดิไท่ปิ่ง ล่มสลายอย่างเป็นทางการ

1865 สงครามปราบฮ่อ (Haw wars,1865-1890) , ทหารไท่ปิงส่วนหนึ่งที่แตกทัพมา ได้เข้ามาก่อความวุ่นวาย ปล้นสดมถ์ และเข่นฆ่าชาวบ้านในตอนเหนือและอีสานของประเทศสยาม (ไทย) และในประเทศเวียดนาม ซึ่งสยามใช้เวลากว่าสิบปีในการปราบปราม ซึ่งสยามเรียกสงครามนี้ว่าสงครามปราบฮ่อ

Don`t copy text!