Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Konstantin Tsiolkovsky

คอนสแตนติน แอเดียรโดวิช ไซคอฟสกี (Константин Эдуардович Циолковский)
เขาเกิดในอิชเชฟสโกเย่ ปัจจุบันอยู่ในเขตเเรียซาน (Izhevskoye, Ryazan Oblast) ในช่วงที่ยังเป็นจักรวรรดิรัสเซีย ในครอบครัวชนชั้นกลาง เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน 1857 (ปฏิทินปัจจุบันเป็นวันที่ 17 กันยายน)

พ่อของเขาชื่อเอ็ดเวิร์ด ไซคอฟสกี (ชื่อเต็ม Makar Edward Erasmus Tsiolkovsky) เกิดทางตะวันตกเฉียงเหนือของยูเครน  แต่ว่าเขามีเชื้อสายมาจากโปแลนด์ เรียนจบทางการสำรวจป่าไม้และที่ดิน และทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เขาพบรักกับภรรยา แม่ของไซคอฟสกี ตอนที่ทำงานอยู่ที่หมู่บ้านอิซเอฟส์ก ( Izhevsk)

มารดาชื่อ มาเรีย ยุมาเชว่า (Maria Yumasheva) มีเชื้อสายของตาร์ต้าร์ตอนอายุได้เก้าขวบไซคอฟสกี ป่วยเป็นโรคอีดำอีแดง (Scarlet fever) แม้ว่าจะหายได้ แต่มันก็ทำให้มีอาการหูหนวก ได้ยินเสียงบ้างแต่น้อยมาก และนั้นทำให้เขาเรียนแค่ชั้นประถมสาม 

1868 เอ็ดเวิร์ดต้องตกงานเพราะว่าออฟฟิตทำทำการสำรวจป่าไม้ได้ปิดตัวลง ทำให้เขาย้ายครอบครัวไปอยู่ที่เมือง เวียตก้า (Vyatka) ซึ่งเป็นชุมชนชาวโปแลนด์ขนาดใหญ่ และทำงานใหม่เป็นเสมียรในสำนักงานป่าไม้ พวกเขาไปอาศัยอยู่ในบ้านของพ่อค้าชื่อชุราวิน (Shuravin) บนถนนเปรโอบราเชนสกาย่า (Preobrazhenskaya rd.) เขาบรรยายสภาพเมืองเอาไว้ภายหลังว่ามันไม่น่าอยู่ และสกปรก แต่อย่างเดียวที่ดีกว่าเมืองเรียซาน ก็คือมีห้องสมุดดีกว่า

1969 ไซคอฟสกีและน้องชาย อิกนาเตียส  (Ignatius) เข้าเรียนที่โรงเรียนเวียตก้า (Vyatka gymnasium) เป็นโรงเรียนสำหรับผู้ชาย เขาไม่ค่อยมีความสุขกับโรงเรียนเพราะครูที่เข้มงวด และมักจะดุว่าด้วยเสียงดังๆ  ในปีนี้เขายังต้องเสียพี่ชายคนโตชื่อ ดมิทรี ซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนนายเรือที่เซนต์ปีเดอร์เบิร์ก

1870 แม่ของเขาเสียชีวิต นั้นทำให้ไซคอฟสกีที่มีปัญหาที่โรงเรียนอยู่แล้วยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีก หลังจากแม่เขาเสียชีวิตแล้ว เขาไปเรียนจนกระทั้งปี 1973 ก็เลิกที่จะไปโรงเรียน แต่ใช้เวลาในการศึกษาด้วยตัวเองจากห้องสมุด และหนังสือเท่าที่จะหาได้

1873 พ่อเขามีความเชื่อมั่นในความสามารถของลูกชายมาก จึงส่งให้ไชคอฟสกี ไปเรียนที่มอสโคว์ ในโรงเรียนเทคนิคชั้นสูง The Higher Technical School (MSTU Bauman) แต่ปรากฏว่าไซคอฟสกีไม่ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว โดยไม่ทราบเหตุผล แต่เขาตัดสินใจที่จะอยู่ที่มอสโคว์ต่อไป โดยเช่าอพาร์ตเมนท์ โดยได้เงินจากพ่อเล็กน้อย เขาใช้เงินส่วนใหญ่ในการซื้อหนังสือและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ อยู่ด้วยเงินเพียงเดือนละ 90 เซนต์ กินแต่น้ำเปล่าและขนมปัง เขาเดินไปที่ร้านขนมปังทุกๆ 3 วัน เพื่อซื้อขนมปังราคา 9 เซนต์ และใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องสมุดเชร์ตกอฟสกอย (Chertkovskoy Publice Library) ห้องสมุดเดียวในเมืองที่ให้บริการฟรี ที่ห้องสมุดทำให้เขาได้พบกับนิโคไล เฟียโดรอฟ (Nikolai Fyodorovich Fyodorov) เขาเป็นคนหนึ่งที่สนใจเรื่องอวกาศ เฟียโดรอฟทำงานที่ห้องสมุดนี้และเขาก็ให้หนังสือแก่ไซคอฟสกียืม เขาเป็นแรงบันดาลใจในความสนใจเรืองอวกาศของไซคอฟสกี ในปีแรกที่อยู่ในมอสโคว์ ไซคอฟสกีอ่านหนังสือเกี่ยวกับฟิสิกข์และคณิตศาสตร์ และก็เวลาต่อมาก็เริ่มศึกษาเคมี และคณิตศาสตร์ขั้นสูงขึ้น จนกระทั้งปี 

1876 พ่อของเขาไม่สามารถส่งเสียลูกชายต่อไปได้ จึงเรียกให้ไซคอฟสกีกลับบ้านที่เวียตก้า เขาเร่ิมใส่แว่นตาหลังจากกลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ยังคงใช้เวลาในการเข้าห้องสมุด และคงการทดลองและสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่อไป1875 น้องสาวของเขา แคทเธอรีน เสียชีวิต , พ่อของเขาเกษียรตัวเองจากการทำงาน1876 น้องชายคนเล็กของเขา คอนสแตนติน อิคนาเตียส เสียชีวิต

1877 พ่อของเขาสุขภาพเริ่มไม่แข็งแรงและเริ่มล้มป่วยลง

1878 ครอบครัวที่เหลือย้ายกลับมาอยู่ที่เรียซาน ไซคอฟสกีเข้ารับการคัดเลือกทหารแต่ว่าหูที่ไม่ได้ยินของเขาทำให้เขาได้รับการยกเว้น ไซคอฟสกี เข้าสอบใบรับรองการเป็นครูที่ the First Provincial High School ในปี 1879 เพื่อรับรองการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เขาเริ่มทำงานโดยการเป็นครูสอนหนังสือตามบ้าน

มกราคม 1880  เขาเดินทางออกจากเรียซาน และไปทำงานเป็นครูสอนหนังสือที่โบรอฟส์ก (Borovosk) เขาอาศัยอยูในบ้านเช่าหลังหนึ่งของภรรยาม่ายของพระของโบสถ์ Edinoverie Church เธอชื่อเยฟกรฟ โซโกโลว่า (Yevgraf Sokolova) ไซคอฟสกี ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับลูกสาวเจ้าของบ้าน และในที่สุด ไซคอฟสกี และ บาร์บาร่า (Barbara) ก็แต่งงานกันในวันที่ 20 สิงหาคม 1880 ในวิหารเนฟติวิตี้ (Nativity Church of Virgin) 

มกราคม 1881 พ่อของไซคอฟสกี เสียชีวิตลง , ไซคอฟสกี ทำงานเป็นครูสอนที่โรงเรียนในเมืองบอห์ร (Bohr district School) เขาสอนคณิตศาสตร์และเรขาคณิต และเวลาหลังการสอนในห้องเรียนเขาก็ใช้เวลาในการเรียนหนังสือด้วยตนเอง เขียนแบบ และการทดลอง ในห้องของเขามีทั้งอุปกรณ์ทำสายฟ้า ตุ๊กตากระดาษเคลื่อนได้ ระฆัง

1881 เขาเขียนหนังสือ ทฤษฏีเกี่ยวกับก๊าซ (Theory of Gases) ออกมา มันเป็นพื้นฐานของวิชาพลังงานจลน์ของก๊าซ เขาส่งงานเขียนของเขาให้กับสมาคมเคมีและฟิสิกข์ของรัสเซีย (Russia Phusico-Chemical Society) ศาสตร์จารย์ P.P. Fang der Fleet เขียนไว้ในปี 1882 ว่า “แม้ว่าเนื้อหาที่ได้รับยังไม่สมบูรณ์และไม่ถึงกับเป็นเรื่องไม่ แต่ว่าไม่ต้องสงสัยเลยในความสามารถและการอุตสาหะของคนเขียน เพราะว่าเขาไม่ได้เรียนในระบการศึกษาด้วยซ้ำและความรู้ที่เกิดขึ้นมานั้นเขาเป็นเจ้าของมันอย่างแท้จริง”

1882 เขาส่งผลงานใหม่ไปที่สมาคม เรื่อง เครื่องกลก็เหมือนการทำงานของอวัยวะ (Mechanics like Variable organism) ซึ่ง ศจ. อนาโตเลีย บอกดานอฟ (Anatoly Bogdanov) วิจารณ์ว่ามันเป็นงานที่บ้า แต่ว่ามันได้รับการยอมรับจาก อิวาน เซเชนอฟ (Ivan Sechenov) เขาบอกว่ามันเป็นพรสวรรค์ของไซคอฟสกี แต่ว่าผลงานยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ได้รับการตีพิมพ์

1883 The Duration of Radiation of the Sun (Продолжительность лучеиспускания Солнца) เขาเขียนถึงกลไกการทำงานของดวงดาว อธิบายว่าดวงอาทิตย์เป็นก้อนก๊าซ โดยใช้เพียงทฤษฏีแรงโน้มถ่วงของนิวตัน และทฤษฏีก๊าซของบอย์ล์ (Boyle) ในการอธิบาย ศจ.อีวาน บอร์กแมน (Ivan Borgman) เป็นผู้วิจารณ์งานของเขา แต่มันก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากสมาคมให้ตีพิมพ์อยู่ดี ด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถพิสูจน์ได้

1883 Free Space (Свободное пространство) เขาเขียนลงมันในรูปแบบของบันทึกประจำวัน มันเกี่ยวกับพฤติกรรมของวัตถุในสูญญากาศ และเสนอความเป็นไปได้ในการสร้างเคลื่องยนต์เจ็ต บอลลูน เขายังออกแบบบอลลูนไว้ในสมุดบันทึกของเขาด้วย1887 เขาเขียนนวนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง ดวงจันทร์ (The Moon, На Луне)  มันเป็นผลงานแรกที่ได้รับการเผยแพร่1892 ไชคอฟสกี ย้ายจากโบรอฟส์ก ไปอยู่ที่ กาลุก้า (Kaluga) ตามคำสั่งของรัฐเพราะโรงเรียนที่กาลุก้าขาดแคลนครูที่เชี่ยวชาญ มันกลายเป็นเมืองที่เขาอาศัยอยู่จนสิ้นชีวิต  เขามีผลงานเขียนเกี่ยวกับปรัชญา Monism ด้วย โดยเสนอไอเดียเกี่ยวกับสังคมในอนาคต

1903 The Exploration of Cosmic Space by Means of Reacton Devices ( Исследование мировых пространств реактивными приборами) เสนอสูตรการสร้างจรวด ซึ่งเขาคำนวณว่าต้องใช้ความเร็ว 8000 เมตรต่อวินาที ในการเดินทางออกนอกโลก โดยใช้เชื้อเพลิงแบบเหลว และจรวดแบบหลายท่อน Investigation of outer space rocket appliances เขาพัฒนารายระเอียดเกี่ยวกับจรวดไปอีกขั้นหนึ่ง และยังชี้ให้เห็นประโยชน์ในการทำมิสไซด์ โดยใช้เชื้อเพลิงเหลว1918 เขาเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนการปฏิวัติรัสเซียของบอลเชวิค และในปีนี้เขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของสถาบันสังคมนิย (Socialist Academy) ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Communist Academy (1921) นั้นทำให้เขาได้รับเงินบำนาญตลอดชีวิตด้วยตั้งแต่ปี 1921

17 พฤศจิกายน 1919 ไซคอฟสกี ถูกจับและนำตัวไปไว้ยังเรือนจำในลุบยานก้า (Lubyanka) เป็นเรื่องปกติในช่วงการปฏิวัติรัสเซย ที่นักวิทยาศาสตร์มักจะถูกสงสัย ไม่นานเขาก็ได้รับกาารปล่อยตัวออกมา
1926-1929 เขาสามารถแก้ปัญญาว่าจะทำอย่างไรให้จรวดที่ใช้ก๊าซเร่งความเร็วออกจากโลกได้ ซึ่งเขาได้คำตอบว่าอยู่ที่ความเร็วในการปล่อยให้ก๊าซไหลออกมาจากจรวจ เขาเขียนวิธีสร้างจรวจแบบหลายท่อน อีกในหนังสือ Space Rocket Trains(Космические ракетные поезда) ตีพิมพ์ในปี 1929

19 กันยายน 1935 เขาเสียชีวิตภายในบ้านของเข้าในก้าลุก้า ก่อนเสียชีวิตเขาเขียนจดหมายถึงสตาลิน วันที่ 13 กันยายน 1935 ขอบคุณการปฏิวัติรัสเซีย ว่าได้สร้างความฝันของเขาให้เป็นจริง เขาเชื่อมั่นในการให้การศึกษากับแรงงาน การเรียนด้วยตนเอง และสตาลินได้กรุณาเขาอย่างมากทุกอย่าง เขาคิดว่าโซเวียตและบอลเชวิคจะทำให้ความฝันของเขาเป็นจริง

ชีวิตครอบครัว เขาไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ออกจะยากจนด้วยซ้ำและดำรงชีพด้วยเงินบำนาญจากรัฐบาล  เขามีลูกทั้งหมด 7 คน แต่ว่า 5 คนเสียชีวิตระหว่างที่เขายังมีชีวิตอยู่  เท่าที่ปรากฏชื่อคือ เลิฟ (Love,1881) อิกนาเตียส (Ignatius,1883) อิกนาเตียสฆ่าตัวตายในปี 1902  อเล้กซานเดอร์ (Alexander,1885) อีวาน (Ivan,1888) ลีออนเตีียส (Leontius,8 สิงหาคม 1892) เสียชีวิตในวันที่เกิด

ไชคอฟสกี มีผลงานเขียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์กว่า 400 เรื่อง เขาเป็นแรงบัลดาลใจในการบุกเบิกอวกาศ เขาเขียนเรื่องพลศาสตร์ อากาศพลศาสตร์ ทฤษฏีก๊าซ จรวจ บอลลูน เขาสร้างอุโมงลมครั้งแรก อันแรกของรัสเซียในปี 1897 สำหรับทดสอบการบิน


 

Don`t copy text!