Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Leonid Brezhev


ลีโอนิค อิลิช เบรซเนฟ (Леонид Ильич Брежнев) บุรุษที่ครองอำนาจในโซเวียตยาวนานที่สุดเป็นอันดับ 2 กว่า 18 ปี เป็นรองเพียงสตาลิน

เกิดเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 1906  หมู่บ้านในยูเครน ชื่อ กาเมนสโกเย่ (Kamenskoye, ปัจจุบัน Dniprodzerzhynsk) ในครอบครัวช่างทำเหล็ก พ่อของเขาชื่ออิย่า (IIya Takovlevich Brezhnev) ส่วนแม่ชื่อนาตาเลีย (Natalia Denisovna) เบรซเนฟ มีพี่น้องอีกสองคน ชื่อ จาคอฟ(Jacob) และ เวร่า (Vera)
เบรซเนฟ ทำงานเป็นพนักงานในโรงงานทำเนยแข็งตั้งแต่ตอนอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่ค่อนข้างปกติ ในยุคการปฏิวัติ

1915-1921 เข้าเรียนหนังสือในโรงเรียนในบ้านเกิดของเขาซึ่งในช่วงนั้นนักเรียนในรัสเซียส่วนใหญ่จะถูกจัดให้เรียนทางด้านเทคนิค

1921 หลังจากเรียนหนังสือจบเข้าทำงานที่โรงงานน้ำมันในเมืองเคิร์สก์ (Kursk)

1923 เข้าเป็นสมาชิกของยุวคอมมิวนิสต์

1927 แต่งงานกับ วิคตอเรีย (Victoria Petrovna,Виктории Петровне Брежневой) ในวันที่ 11  ธันวาคม พวกเขามีลูกด้วยกันสองคน ชื่อ กาลิน่า (Galina,1929-1998) และ ยูริ (Yuri, 1933)

1928 ในเดือนมีนาคมถูกย้ายไปยังยูราล ทำงานเป็นพนักงานสำรวจที่ดิน ให้กับกรมที่ดิน

1929-1930 ได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าขอกรมบริหารจัดการที่ดินในยูราล (Ural Regianal Land Management)

1930 เดินกันยายน เดินทางกลับมาอยู่มอสโคว์ และขเ้าทำงานให้กับสถาบันวิศกรรมกลไก (Moscow Institue of Mechanical Engineering)

1931 เข้าเรียนเป็นนักศึกษาภาคค่ำที่ Dneprodzerzhinsk Metallurgical Institute เข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ในวันที่ 24 ตุลาคม

1935 จบการศึกษาจาก Dniprodzerzhink Metallurgical Institute สาขาวิศวกรรมเหล็ก หลังจากนั้นเข้าทำงานกับกองทัพ เข้าทำงานให้กับหลายแผนก ก่อนที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนรถถึงและทำงานในโรงงานประกอบรถถัง 

1937 เป็นรองประธานคณะกรรมการบริหารของพรรคประจำเขตดิเนโปรดเซอร์ซินส์ก กอ่นที่จะได้เลือกตำแหน่งเป็นประธานในปีต่อมา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่  2 เบรซเนฟ มีตำแหน่งระดับกลางในพรรคคอมมิวนิสต์แล้ว เบรซเนฟ ทำหน้าที่ในการย้ายอุตสาหกรรมในดนิโปรดเซอร์ซินส์ก ไปยังตะวันออกของโซเวียต ก่อนที่เมืองจะถูกเยอรมันบุกในปลายเดือนสิงหาคม เมื่อเยอรมันยึดยูเครนไว้ได้ในปี 1942 เบรซเนฟ ย้ายไปอยู่ในคอเคซัส และทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการเมืองในกองกำลังทรานคอเคซัส

1943 เป็นหัวหน้าฝ่ายการเมืองในกองกำลัง ที่ 18 (18th army) ซึ่งถูกรวมเข้าเป็นกองกำลังแห่งยูเครน ที่ 1 (1st Ukrainian Front) ในช่วงปลายปี ซึ่งตอนนั้นมี นิกิต้า ครุสเซฟ เป็นกรรมการระดับสูงคนหนึ่งในกองทัพ ทั้งคู่เคยพบกันมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี 1931 จากการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิตส์ช่วงปลายสงครามโลก เบรซเนฟ ทำงานเป็นหัวหน้าคณะกรรมการฝ่ายการเมืองของกองกำลังที่ 4 แห่งยูเครน (4th Ukrainian Front) ซึ่งได้นำกองกำลังเข้าไปยังกรุงปราก หลังเยอรมันแพ้สงครามด้วย

1946 เบรซเนฟ ได้รับตำแหน่งนายพลในกองทัพโซเวียต ตอนเดือนสิงหาคม แต่ว่างานส่วนใหญ่ของเขาเกี่ยวกับการบริหาร มากกว่าการเป็นผู้บังคับบัญชา

1950 ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยในซุฟรีมโซเวียต และในปลายปีได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำมอลโดเวีย (First Secretary ,communist party of Moldavia)

1952 ได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการกลางคอมมิวนิสต์ (Central Committee) และเป็นตัวเก็งที่ีสิทธิได้เป็นสมาชิกสภาเปรตซิเดียม (Presidium)

1953 สตาลินเสียชีวิตในเดือนมีนาคม สภาเปรตซิเดียมถูกยกเลิกไปและนำรูปแบบโพลิตบุโร กลับมาใช้ แต่ว่าเบรซเนฟ ไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกของโพลิตบุโร แต่ว่าถูกส่งไปเป็นประธานฝ่ายการเมืองประจำกองทัพ โดยเขาได้รับยศพลโท

1955 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิตส์ อันดับหนึ่ง ประจำคาซัคสถาน (First Secretary of Communist Party of Kazakh SSR) โดยเขาช่วยผลักดันนโยบาย Virgin Land ของครุสซอฟ ซึ่งต้องการให้บุกเบิกดินแดนใหม่ๆ ในการเร่งเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรของโซเวียต แม้ว่านโยบายนี้โดยรวมจะล้มเหลว แต่ในส่วนของเบรซเนฟ เขาทำมันประสบความสำเร็จ ในปีนี้ ทว่าในปีต่อมา 1956 ผลผลิตทางการเกษตรกลับลดลงมาก จนมีผลต่อสถานะทางการเมืองของเขา

1956 เดือนกุมภาพันธ์ เดินทางกลับมามอสโคว์ ได้รับการเสนอเป็นแคนดิเดตสมาชิกของโปลิตบุโร และได้รับหน้าที่ในการควบคุมอุตสาหกรรมทหาร และกิจกรรมอวกาศ

1957 เขาถือหางครุสเซฟ ในการแย่งชิงอำนาจกับบรรดาบริวารเก่าของสตาลิน จนกระทั้งเมื่อฝ่ายหลังภายแพ้ไป เบรซเนฟ ได้รับสถานะสมาชิกเต็มตัวของโพลิตบุโร

1959 เป็นเลขาธิการ อันดับสอง ของพรรคคอมมิวนิสต์

1960 ได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าสภาเปรสซิเดียม (Presidium of the Supreme Soviet) ทำให้เขามีสถานะคล้ายกับเป็นผู้นำประเทศ แม้ว่าอำนาจส่วนใหญ่ยังอยุ่ในมือครุสเซฟ ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์

1962 ได้รับตำแหน่งพลเมืองเกียรติยศ แห่ง กรุงเบลเกรด

1964 ตุลาคม เบรซเนฟ ร่วมกับนิโคลัย พอดกอร์นี (Nikolai Podgorny) ร้องเรียนต่อคณะกรรมการกลางของพรรคถึงความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของครุสเชฟ  นอกจากนั้นยังกล่าวว่าครุสเซฟมีนิสัยกร้าวร้าว และพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นแผนการของเขาอยู่แล้วในการที่จะถอดครุสเซฟ จากตำแหน่ง ซึ่งโพลิบุโลซึ่งสนับสนับเบรซเนฟ ได้ร่วมกันโหวตให้ครุสเชฟ พ้นจากอำนาจอย่างเป็นทางการ และตำแหน่างเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ก็ตกอยู่ในอำนาจของเบรซเนฟ เข้าได้กลายเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการของประเทศ แม้ว่ายังมีสถาชิกบางส่วนของพรรคเรียกร้องให้มีการลงโทษครุสเซฟด้วย แต่เบรซเนฟ ก็คัดค้าน เพระอย่างไรเขาก็เป็นเจ้านายเก่า

1968 กองทัพโซเวียตและกลุ่มวอร์ซอร์ บุกเชคโกสโลวาเกีย ในวันที่ 20 สิงหาคม ในเหตุการ์ณ Prague Spring เพื่อโค่นผู้นำเชคโกสโลวาเกีย ทีี่มีแนวคิดปฏิรูปและตีตนออกห่างจากกลุ่ม

1972 สหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกา ในยุคของเบรซเนฟ และริชาร์ด นิกสัน ของอเมริกาได้มีการลงนามในสนธิสัญญาควบคุมอาวุธทางยุทธศาสตร์ (SALT- the Strategic Arms Limitaion Treaty)

1976 เบรซเนฟ ล้มป่วยอย่างหนักด้วยโรค Asthenia  อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง จนเขาเกือบจะเสียชีวิต เขาทำงานได้น้อยลงเหลือวันละสองสามชั่วโมง ที่เหลือใช้ในการพักผ่อนและรักษา จะเขาอาการติดการใช้ยานอนหลับ

1978 ได้รับรางเหรียญรางวัล Victory (Победа)ซึ่งปกติเป็นรางวัลที่มอบเฉพาะช่วงสงคราม

1979 12 ธันวาคม เบรซเนฟ ตัดสินใจที่จะนำส่งกองทัพเข้าอัฟกานิสถาน เพื่อต่อสู้กับกลุ่มมูจาฮีดีน ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ และทำลายแหล่งปลูกฝิ่นจำนวนมากในอัฟกานิสถานที่ซีไอเอ ใช้เป็นแหล่งสร้างเงินทุนในสงคราม แม้ว่าการบุกอัฟกานิสถานจะเป็นเหมือนการปฏิวัติรัฐบาลอัฟกานิสถานขณะนั้นที่เป็นพันธมิตรของโซเวียตเองก็ตาม 27 ธันวาคม กองกำลังชุดแรก จาก Alpha Group และ Zenith Group บุกยึดรัฐสภาอัฟกานิสถาน แต่สงครามดำเนินไปยาวนานกว่า 10 ปี จนถึง 1789 กว่าโซเวียตจะยอมถอนกองทัพออกมาอย่างผู้แพ้ กลายเป็นผลงานที่ผิดผลาดที่สุดของเบรซเนฟ และมันบ่อนทำลายเศรษฐกิจโซเวียตจนล่มสลายในเวลาต่อมา

1982 23 มีนาคม เขาเดินทางไปยังโรงงานผลิตเครื่องบินในเมืองทัชเคน แต่ปรากฏว่ามีผู้คนจำนวนมากเข้ามารายล้อม ทำให้เบรซเนฟ ได้รับบาดเจ็บ กระดูกไหปลาร้าหัก มันทำให้สุขภาพของเขาย่ำแย่ และเขาปราฏกตัวครั้งสุดท้ายต่อสาธารณะในวันที่  7 พฤศจิกายน

ด้านเศรษฐกิจในมุมมองของชาวต่างชาติ ยุคของเบรซเนฟ เป็นช่วงเวลาที่โซเวียตมีเศรษฐกิจที่เหมือนกับติดหล่มอย่างยาวนานที่สุด มีอัตราการขยายตัวที่ต่ำยาวนาน แต่ว่าภายในประเทศแล้ว ชาวโซเวียต จากการทำโพลของ VTsIOM ในปี 2007 ประชาชนส่วนใหญ่ตอบว่าอยากจะอยู่ในช่วงเวลาของเบรซเนฟมากที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่โซเวียตมีอำนาจมากที่สุด ภายในประเทศมีความมั่นคง ประชาชนภาคภูมิใจในความก้าวหน้าทางการทหาร โครงการอวกาศ สถานีอวกาศมีร์ถูกสร้างในสมัยของเขา

ลีโอนิค เบรสเนฟ เสียชีวิตใน วันที่  10 พฤศจิกายน  1982  ด้วยอาการหัวใจวาย ขณะมีอายุได้ 75 ปี พิธีศพของเขาถูกจัดขึ้นแบบรัฐพิธีที่ข้างกำแพงเครมลิน 

Don`t copy text!