Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Vladimir Gilyarovsky


วลาดิมีร์ กิลยาลอฟสกี (Владимир Алексеевич Гиляровский)

เจ้าของฉายา "Uncle Gilyai"  นักข่าว นักเขียนผู้บันทึกความเป็นไปของมอสโคว์

เกิดในครอบครัวของตำรวจเมื่อ 26 พฤศจิกายน  1855 ภายในฟาร์มของพ่อ ใกล้กับเมืองโวล็อกด้า (Vologda) ในวัยเด็กเขาเรียนหนังสือโดยมีแม่เป็นผู้สอน จนกระทั้งเมื่อมีอายุได้ 8 ปี แม่ของเขาก็เสียชีวิต

1860 กิลยาสอฟสกี เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประจำเมืองโวล็อกก้า 

1871 เดือนมิถุนายน หลังจากสอบตกที่โรงเรียน ทำให้เขาตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี เขาออกเดินทางตามแม่น้ำโวลก้า ไปยังเมืองคอสโตรมา ผ่านรูบิ้น และในที่สุดได้มาทำงานบนเรือ ที่เมืองยาโลสลาฟ ช่วงฤดูใบไม้ผลิได้สมัครเข้าเป็นทหารในกองทหารนิกิจสกี (Nijinsky regiment)

1873 ถูกส่งตัวไปยังโรงเรียนเตรียมทหารในมอสโคว์ แต่ว่าเรียนหนังสือได้ประมาณเดือนหนึ่งก่อนที่จะต้องออกจากการเป็นทหารเพราะคุณสมบัติไม่เหมาะสม เขาหาเลี้ยงตัวเองโดยการแปลบทกวีภาษาฝรั่งเศส และทำงานหลายอย่างโดยหลายอย่างอันตราย ทั้งพนักงานดับเพลิง คนเลี้ยงสัตว์ ทำงานในโรงละครสัตว์ระหว่างอยู่ที่เมืองรอสตอฟ ออน ดอน (Rostov-on-Don)  ทำงานเป็นช่างทาสีซึ่งตอนนั้นสีมีพิษสารตะกั่วสูงตอนอยู่ในโรงงานที่เมืองยาโลสลาฟ

1875 ทำงานเป็นนักแสดงในโรงละคร

1877 เกิดสงครามระหว่างรัสเซ๊ยและตุรกี (Rusian-Turkish war) ทำให้เขาสมัครเข้าเป็นทหารอาสาอีกรอบ โดยประจำการที่หน่วยทหารที่ 161 (161st regiment of Alexandropol) ในคอเคซัส ทำให้ภายหลังสงครามเขาได้รับเหรียญกล้าหาญ Order of Saint George ชั้นที่ 4

1877 The Stories of the Slums หนังสือเล่มแรกของเขา เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเขาเอง บอกเล่าปัญหาความยากจนและอาชญากรรมในมอสโคว์

1881 เมื่ออายุได้ 26 ปี เขาได้ย้ายมายังกรุงมอสโคว์ และทำงานในโรงละคร และเขียนบทกวีลงในนิตยสาร  (Будильник)  ตอนฤดูใบไม้ผลิได้ลาออกจาโรงละคร และเริ่มทำงานเป็นนักข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ Russian Newspaper และ Moscow Leaf (Московский листок )

1882 เขาเขียนบทความเกี่ยวกับหายนะในหมู่บ้านกุกุเยฟสกี (Kukuevskaya disaster, Кукуевская катастрофа) ซึ่งเกิดอุบัติเหตุกับรถไฟ ในคืนวันที่ 29 มิถุนายน ซึ่งมีฝนตกหนักจนทำให้รางรถไฟเสียหาย และรถไฟตกราง จนมีผู้เสียชีวิต 42 คน ลงใน Moscow Leaf มันเป็นบทความที่ได้รับความสนใจ กิลยารอฟสกี เองเดินทางไปดูที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง หนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้มีนักเขียนชื่อ นิโคลัย เตอร์เกเนฟ หลานของอิวาน เตอร์เกเนฟ

1896 ระหว่างที่ในรัสเซียกำลังเฉลิมฉลองการบรมราชาภิเษกของพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่  2  ซึ่งมีพฺิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 26 พฤษภาคม และมีการจัดงานเฉลิมฉลองกันหลายวัน จนเมื่อวันที่  30 พฤษภาคม บริเวณสนามโคเดียก้า (Khodynka Field) มีประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันตั้งแต่เช้า โดยมีข่าวลือว่ารัฐบาลจะแจกอาหาร และเบียร์ให้แก่ประชาชน แต่เกิดข่าวลือกันอีกว่ามีเบียร์ไม่เพียงพอที่จะให้ประชาชนทุกคน ซึ่งตอนนั้นมีคนเกือบห้าแสนคน ทำให้ประชาชนพยายามแย่งที่กัน จนทำให้ตำรวจใช้ปืนยิงเพื่อให้ประชาชนสงบ แต่กลายเป็นว่าเกิดการแตกตื่น และประชาชนเหยียบกันตาย มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,389 คน  จนเป็นโศกนาฏกรรมแห่งโคเดียก้า (Khodynka Tragedy) ซึ่งกิลยารอฟสกี อยู่ในเหตุการณ์นั้นดวยและสามารถรอดชีวิตมาได้อย่างปราฏิหารย์ เขาเขียนบันทึกความทรงจำต่อเหตุการณ์นี้ในหนังสือ Memoirs

1915 ช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 1 เขาเขียนบันทึกเรื่อง March of the Siberian Rifles ( Марша Сибирских стрелков) มันถูกนำไปแต่งเป็นบทเพลงในอัลบัม Through vallayes and hills (По Долинам И По Взгорбям) เป็นเพลงมาร์ชปลุกใจที่โด่งดังเพลงหนึ่งในช่วงนั้น
ภายหลังการปฏิวัตรัสเซีย กิลยาลอฟสกี ทำงานเป็นนักข่าวให้กับหนังสือพิมพ์อิซเวตเทีย (Izvestia) , Spark, Evening Moscow
1926 เขียนหนังสือเรื่อง From The English Club to the Museum of the Revolution (От Английского клуба к музею Революции) Moscow and Moscovites(Москва и москвичи) บอกเล่าประสบการณ์ของเข่ากว่า 50 ปี ในเรื่องของเมืองมอสโคว์และผู้ที่อยู่อาศักย เป็ฯหนังสือเรื่องหนึ่งที่เป็นผลงานคลาสิคของเขา ซึ่งคนรุ่นหลังมักใช้เป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงของเมือง1928 My Travels(Мои скитания) และ 

1931 Muscovit Note( Записки москвича)

1934 Friend and Meeting (Друзья и встречи) 
ตอนที่วลาดิมีร์ กิลยารอฟสกี มีอายุมานั้น เขาเริ่มตาปอดจนเกือบสนิท แต่ยังคงเขียนหนังสือต่อไป เขาเสียชีวิตในมอสโคว์เมื่อ 1 ตุลาคม 1935 หนังสือเรื่องสุดท้าย People Theater (Люди театра) พิมพ์ออกมาหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว

Don`t copy text!