ยากอฟ สเวิร์ดลอฟ(Яков Михайлович Свердлов)
เกิดในเมืองนิชนี นอฟโกรอด เมื่อ 3 มิถุนายน 1885 ในครอบครัวชาวยิว ที่บ้านของเขาเป็นเกษตรกร พ่อของเขาชื่อมิคาอิล (Mikhail Sverdlov,Михаил Израилевич Свердлов, เสียชีวิตในปี 1921) เป็นช่างแกะสลัก ส่วนแม่ชื่อ อลิซาเบธ (Elizebeth , Елизавета Соломоновна , เสีย 1900) เป็นแม่บ้านธรรมดา ครอบครัวเขามีพี่น้อง 6 คน เป็นผู้หญิงสอง พี่น้องทั้งหมด มี โซเฟีย ซ่ารา ซีโนเวียฟ ยากอฟ เบนจามิน และเลฟ ( Sofia, Sara , Zinoviev, Yakov , Benjamin , Leo)
หลังจากแม่เสียชีวิตไปแล้ว พ่อของเขา ได้แต่งานใหม่ กับมาเรีย กอร์มิลเสฟ(Maria Kormiltsev, Марии Александровне Кормильцевой) ซึ่งมาเรียให้กำเนิดลูกอีกสองคน ชื่อ เฮอร์แมน และอเล็กซานเดอร์
ภรรยาคนแรกของสเวิร์ดลอฟ ชื่อ (E.F. Schmidt,Е. Ф. Шмидт) พวกเขามีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ E.Y. Sverdlov เกิดในปี 1905
ภรรยาคนที่ 2 ของสเวิร์ดลอฟ ชื่อ คลอเดีย ทิโมฟีฟน่า (Claudia Timofeena,1876-1960) สเวิร์ดลอฟ ได้รับการอุปการะ จากแม็กซิม กอร์กี (Maxim Gorky)
1902 เขาเข้าเป็นสมาชิกพรรคสังคมนิยมแรงงานประชาธิปไตย (RSDLP, Russian Social Democratic Labour Party) แต่หลังจากความแตกแยกภายในพรรคปี 1903 เขาจึงเลือกอยู่ข้างของบอลเชวิค เขากลายเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวในหลายเมือง เช่น คาซาน เยคาเตอรินเบิร์ก ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ในเขตยูราล เป็นคณะกรรมการของพรรคที่นั้น
1905 วัย 20 ปี สเวิร์ดลอฟ เข้าร่วมในการปฏิวัติ 1905 โดยส่วนใหญ่เป็นการเคลื่อนไหวแบบใต้ดิน ซึ่งมีการเตรียมการที่จะให้เกิดการเรียกร้องการปฏิวัติครั้งใหญ่ในเยคาเตอรินเบิร์ก พร้อมทั้งมีการสักซ้อมกองกำลังติดอาวุธขึ้นมา เดือนตุลาคม เขาได้กลายเป็นหัวหน้าของบอร์ดแรงงานในเยคาเตอรินเบิร์ก
1906 มิถุนายน เขาถูกจับกุมตัวได้ ระหว่างอยู่ในเมืองเปิร์ม (Perm) เขาเดินทางมาเมืองนี้เพราะมีโรงงานผลิตอาวุธปืนขนาดใหญ่อยู่ สเวิร์ดลอฟถูกตัดสินจำคุก เขาอยู่ในเรือนจำเมืองเปิร์มนี้นานกว่า 3 ปี จนกระทั้ง 1909
1909 หลังจากออกจากเรือนจำ เขาเดินทางไปยังมอสโคว์ แต่ว่าไม่นานก็ถูกจับตัวอีก ในวันที่ 19 ธันวามคม 1909 ถูกตัดสินในวันที่ 31 มีนาคม ให้เนรเทศไปยังไซบีเรีย เป็นเวลา 3 ปี
1910 เขาพยายามหลบหนี แต่ว่าถูกจับตัวไว้ได และถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ระหว่างนี้เขาก็พยายามจะหนีหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ
1912 ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เขาหลบหนีออกมาได้ และได้มุ่งหน้าไปยังเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เขาทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ ปราฟด้า กลายเป็นคนหนึ่งที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเลนิน แต่ต่อมาเขาถูกสายลับของทางการหักหลัง และถูกจับเนรเทศเป็นเวลา 4 ปี ไปยังตุรุคานส์ก (Turukhansk) ในไซบีเรีย ซึ่งช่วงเดือนสิงหาคม เขามีโอกาศได้พบกับสตาลิน ซึ่งกำลังหลบหนีอยู่เช่นกัน
1917 หลังจากการปฏิวัติกุมภาพันธ์ 1917 เขาได้รับการปล่อยตัว เขาจึงเดินทางกลับมายังเซนต์ปีเตอร์เบิร์กก่อนที่ สเวิร์ดลอฟ ถูกส่งไปเป็นคณะกรรมการในเยคาเตอรินเบิร์ก ในเขตยูราลอีกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลุกฮือปฏิวัติของชาวนา เดือนมีนาคม ในการประชุมพรรค RSDLP ด้วยอิทธิพลของเลนินทำให้สเวิร์ดลอฟ ได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการกลางของพรรคด้วย ต่อมาเขาได้รับหน้าเหมือนเป็นโฆษกหลักของคณะกรรมการพรรค และก่อนการปฏิวัติตุลาคม เขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการทหารเพื่อการปฏิวัติ (Revolutionary Military Committee) ซึ่งมีแผนใช้กำลังยึดอำนาจ
การสังหารครอบครัวราชวงศ์โรมานอฟ จากบันทึกของทร็อตสกี บอกว่าสเวิร์ดลอฟ เป็นผุ้ที่สั่งให้มีการสังหารพระเจ้าซาร์และราชวงศ์
1918 ภายหลังการปฏิวัติ เขายังดูแลกิจการของพรรค เป็นคณะกรรมการกลางที่ดูแลทางด้านการทหาร เขามีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือพรรคบอลเชวิค ในการยุบรัฐสภา Constituent Assembly ตอนนั้นมีกลุ่มผู้สนับสนุนให้คงรัฐสภาไว้เดินขบวนกันประท้วงจำนวนมากพอสมควรประมาณหกหมื่นคน แต่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและคนในเมือง พวกเขาถูกทหารกองทัพแดงใช้กำลังสลายการชุมนุม ในวันที่ 5 มกราคม จำนวนผุ้เสียชีวิตที่แท้จริงไม่ชัดเจน จากสิบถึงร้อยคน
สเวิร์ดลอฟ ยังมีส่วนผลักดัน สนธิสัญญา Brest-Litovsk Treaty ถอนรัสเซียออกจากสงครามโลก หลังจากนั้นเขายังเป็นประธานในคณะทำงานเพื่อการร่างรัฐธรรมนูญแห่งสหภาพโซเวียต
1919 ระหว่างที่เขาเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อปราศรัยให้ปลุกระดมให้ประชาชนสนับสนุนพรรคบอลเชวิค และต่อต้านกองทัพขาว หลังจากเดินทางจากเมืองคาร์เคียฟ กลับมาถึงมอสโคว์ ในวันที่ 6 มีนาคม เขาได้ล้มป่วย เพราะไวรัสไข้หวัดใหญ่ (ไข้หวัดสเปน Spanish Flu) ซึ่งกำลังระบาดในยุโรป ทำให้เขาเสียชีวิต ในวันที่ 16 มีนาคม 1919 อายุ 33 ปี ร่างเขาถูกเผาที่ข้างกำแพงเครมลิน