Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Sergey Kirov

เซอร์เกย์ คีรอฟ (Сургей Миронович Киров (Костриков))

การเสียชีวิตของเขาทำให้คนหลายล้านต้องตายตาม

เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 1886 (15 มีนาคม เดิม)ใน Urzhum,Vyatka จักรวรรดิรัสเซีย ชื่อจริงตอนเกิดของเขาคือ เซอร์เกย์ มิโรโนวิช คอสตริกอฟ (Sergey Kostrikov) ครอบครัวมีฐานะยากจน ลูก 4 คนแรกก่อนกีรอฟ เสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก ก่อนที่จะมี แอนนา, กีรอฟ , และ ลิซ่า ตามมา พ่อของเขา ไมรอน (Мирон Иванович Костриков,Miron Kostrikov) เป็นช่างไม้ ซึ่งเสียชีวิตตอนเขามีอายุเพียง 7 ขวบ ในปี 1894 และไม่นานแม่ของพวกเขา เยแคทเธอริน่า (Екатерина Кузьминична Казанцева,Yekaterina Kitun Kostrikova) ก็เสียชีวิต ทิ้งให้ย่าของเขาเป็นคนดูแลเด็กๆ แต่ว่าย่าส่งเซอร์เกย์ที่เป็นผู้ชายไปยังสถานอุปการะ เซอร์เกย์เรียนหนังสือที่โรงเรียนของวัด (Urzhum parish) ก่อนที่จะเข้าเรียนชั้นมัธยมในเมือง

1897 เข้าเรียนที่ City College Urzhum

1901 เขาเดินทางไปยังคาซาน เพื่อเรียนในโรงเรียนเทคนิค Kazan Techincal School ซึ่งเขามีผลการเรียนดีเยี่ยม ตอนที่จบมาในอีก 3 ปีนั้น ติด 1 ใน 5 ของนักเรียนที่เก่งที่สุด หลังจากเรียนจบได้เข้าทำงานที่สภาของเมืองใน Tomsk และได้เข้าเรียนที่ Tomsk Institute of Technology

1904 ที่เมืองโทมส์ก นี้ เขาเข้าร่วมกับพรรค RSDLP ใช้ชื่อเรียกภายในพรรคว่า Серж (Serge)

1905 ร่วมในการปฏิวัติปี 1905 จนเป็นเหตุให้ถูกจับ แต่ไม่นานตำรวจก็ปล่อยตัว และในเดือนกรกฏาคม เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการกลางของพรรค RSDLP ประจำเมืองโทมส์ก ตอนเดือนตุลาคมเขาสามารถจัดการประท้วงหยุดงานของแรงงานรถไฟในเมืองไทก้า (Taiga)

1906    เขาถูกจับอีกครั้งหนึ่งในเดือน เนื่องจากเขาพยายามพิมพ์เอกสารต้องห้าม

1907    เขาถูกจับอีกในเดือนกรกฏกาคมคีรอฟถูกนำตัวไปขัง ที่คุกในค่ายทหารเมืองโทมส์ก

1908   มิถุนายน เขาพ้นโทษ หลังจากออกจากคุกแล้ว เขาได้ไปเคลื่อนไหวอยู่ใน Irkutsk,Novonikolaevsk

1909    เขาหนีการถูกจับตาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ มายังเมืองวลาดิคาฟคาซ (Vladikavkaz) และทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ Terek ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของพรรค the Cadet เขาใช้นามแฝงในตอนนั้นว่า Sergei Mionov (Сергей Миронов) ระหว่างนี้ เขาสนใจเขียนบทวิจารณ์ ดนตรีร็อค งานเขียนของตอลสตอย ภาพยนต์และสถานที่ท่องเที่ยวในวลาดิคาฟคาส ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขาได้รู้จักกับ มาเรีย มาร์คัส (Maria Lvovna Marcus) ภรรยาในอนาคต

1912    มีนาคม ถูกปล่อยตัว เขากลับไปยังวลาดิคาฟคาซ และใน Terek ฉ. 16 มีนาคม1912 เขาลงชื่อในบทความ ชื่อ Accross The Road (Поперёк дороги)โดยใช้ S. Kirov ซึ่งเขาตั้งชื่อ Kirov (Киров) โดยยืมคำว่า Kir มาจากจากอัศวินของเปอร์เซีย ซึ่งหมายถึง กำแพง หรือป้อมปราการ , Kir ยังเป็นชื่อเมืองหนึ่งของเมโสโปเตเมีย ทางตอนใต้ของแม่น้ำไทกีส เป็นทางผ่านระหว่างเปอร์เซีย ไปยังบาบิโลน … Kir เคยเป็นเมืองหลวงของ Gutium ของกษัตริย์ ไซรัส (Cyrus) ของเปอร์เซีย ซึ่ง Kirov เป็นคำเลียนแบบ ของคำว่า Cyrus (ภาษารัสเซีย เรียก КИР II) ซึ่งชื่อกษัติรย์ไซรัส มาจาก Kuros ก็หมายถึง ดวงอาทิตย์

1919   ช่วงของการปฏิวัติ เขาเป็นหัวหน้าของพรรค RSDLP ในเขตคอเคซัสตอนเหนือ คอยหาสมาชิก โฆษณาชวนเชื่อและจัดการประท้วง เมื่อเกิดการปฏิวัติ และสงครามกลางเมืองตามมา เขาได้ทำหน้าที่ต่อสู้ในคอสเคซัสและแอสตราคาน และยังช่วงในการขยายอำนาจของโซเวียตข้าไปใน อาเซอร์ไบจานช่วงปี 1920 1920   พฤษภาคม เดินทางเข้าไปยังจอร์เจีย เพื่อเตรียมการโค่นรัฐบาลจอร์เจียขณะนั้นที่เป็นฝ่ายเมนเชวิค ตุลาคม เขานำคณะเจรจา เพื่อทำสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างโซเวียตและโปแลนด์ ที่กรุงริก้า

1921    ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำอาร์เซอร์ไบจาน เขาดำรงตำแหน่งนี้จนป 1926 , คีรอฟ ให้การสนับสนุนสตาลินเป็นอย่างมาก

1926   ได้รับตำแหน่งในคณะกรรมการกลางของพรรคประจำเลนินกราด ซึ่งเขาเป็นที่รักของคนในพื้นที่มาก เพราะว่าการบริหารที่มีประสิทธิภาพ สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัย และสร้างงานจำนวนมากในเมืองได้ คีรอฟ ร่วมกับ ซิโนเวียฟ, คาเมเนฟ สนับสนุนสตาลิน และเคลื่อนไหวต่อต้านศัตรูของสตาลิน

1930   เป็นสมาชิกของโพลิตบุโร ซึ่งในตอนนั้นสตาลิน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ คีรอฟ ช่วยสตาลินในการทำ Great Purge สังหารหรือลงโทษฝ่ายตรงข้ามขนานใหญ่ ทั่งประหารและส่งไปค่ายใช้แรงงานหนัก โดยเฉพาะกับกลุ่มของทร็อตสกี และ คาเมนเนฟ(Lev Kamnev) ,ซิโนเวียฟ (Grigory Zinoviev) ที่แปรพักตร์มาสนับสนุนทร็อตสกี นอกจากนั้นยังมีบรรดานักวิทยาศาสตร์กว่า 500 คนของ Academy of Science ที่โดนลงโทษ โดยถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนและต้องการให้มีการนำราชวงศ์กลับมาปกครอง และเตรียมแผนการณ์ให้มีการจับอาวุธประท้วงรฐบาล

1933   คีรอฟ ช่วยขอร้องให้สตาลินเปลี่ยนใจ ไม่สังหาร Martemyan Ryutin ได้ มาร์เทมยาน นั้นได้ออกหนังสือเวียนกว่า 200 หน้า ต่อต้านนโยบายบังคับให้มีการทำนารวมของสตาลิน 1934 การประชุมพรรคในเดือนมกราคม เพื่อคัดเลือกคณะกรรมการกลางของพรรคอีกสมัย คีรอฟ ได้รับคะแนนโหวตคัดค้านเพียง 3 เสียง ในขณะที่สตาลิน ถูกคัดค้าน 292 เสียง

          เขาได้รับรางวัล The Order of Lenin จากความสำเร็จในการซ่อมแซมและสร้างโรงกลั่นน้ำมัน

          1 ธันวาคม ในตอนเย็น พบศพของคีรอฟ ที่ทางเดินของสถาบันสโมลนี (Smolny Institute) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เดิม ก่อนจะย้ายไปที่เครมลิน ตอนที่คีรอฟเสียชีวิตนั้นมันเป็นที่ทำการพรรคประจำเขตเลนินกราด 16.37 นาฟิกา ที่หัวของคีรอฟ มีรอยกระสุนถูกยิงจากด้านหลังเพียงนัดเดียว ผู้สังหารคีรอฟ คือ ลีโอนิค นิโคเลียฟ ( Leonid Nikolaev) เจ้าหน้าท่ีตำรวจ NKVD

ไม่กี่ชั่วโมงหลังการเสียชีวิต มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐว่าการสังหารคีรอฟ เป้นแผนการของศัตรูของโซเวียต ( Enimies of the Soviet Union) ซึ่งหมายถึง คาเมเนฟ และซิโนเวียฟ ทำให้ทั้งถูกไล่ออกจากพรรค และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวพวกเขาและคนใกล้ชิด พวกเขาถูกบังคับให้รับสารภาพ ระหว่างการสอบสวนในเดือนมกราคม 1935

        6 ธันวาคม มีการนำอัษฐิของคีรอฟ ไปโปรยบริเวณกำแพงเครมลิน และมีการเปลี่ยนชื่อเมือง Vyatka เป็น Kirov การตายของคีรอฟ เป็นชนวนอย่างหนึ่งในการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในพรรคของสตาลิน หลายคนจึงสงสัยว่าสตาลินเองนั้นแหละที่เป็นคนสั่งให้มีการสังหารคีรอฟ ก่อนหน้านี้สตาลิน ได้สั่งให้ผู้อำนวยการของตำรวจ NKVD ยาโกด้า (Genrikh Yagoda) เปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ NKVD ประจำเลนินกราด จาก Feodor Medved เพื่อนสนิทของคีรอฟ ไปเป็น Grigory Yevdokimov คนสนิทของสตาลิน แต่ว่าคีรอฟเอง คัดค้านและสำเร็จ ยาโกด้า จึงเปลี่ยนไปใช้ผู้ช่วยของเมดเวด ที่ชื่อ วาเนีย ซาโปโรเซต (Vania Zaporozhets) แทน ซึ่ง วาเนีย ได้ตรวจสอบมือสังหารที่เหมาะสม นั่นคือ ลีโอนิด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ NKVD ที่มีประวัติไม่ดี เขาละเมิดกฏห้ามพกอาวุธปืนเข้าไปในอาคารที่ทำการพรรคเมื่อปีก่อน ,

วาเนีย ได้มอบปืนรุ่น Nagant M1895 ขนาด 7.62 มม. ผ่านทางเพื่อนของลีโอนิค วันนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้ตรวจพบปืนดังกล่าวในกระเป๋าของลีโอนิคและยึดมันไว้แล้ว แต่ว่าเจ้าหน้าที่กลับส่งกระเป๋าคืนให้เขาในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โดยบอกให้เขาเอามันออกไปจากอาคาร วันที่คีรอฟถูกยิงเสียชีวิต เขาไม่มีเจ้าหน้าที่คอยอารักขาเหมือนปกติซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ ปกติแล้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเขาสี่คน แต่ว่าสตาลินเป็นคนอนุมัติให้ถอนเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไป

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคีรอฟและสตาลิน ที่แนบแน่น เป็นข้อโต้แย้งอย่างหนึ่งที่บอกว่าสตาลินไม่น่าจะใช่คนที่สังหารคืรอฟ เพราะทั้งคู่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่สุดของกันและกัน สตาลินอาจต้องการแก้แค้นให้เพื่อนจริงๆ ก็ได้ ในสมัยของสตาลิน มีการทำสำนวนการสอบสวนออกมาเป็น 5 เวอร์ชั่น ถึงสาเหตุการสังหารคีรอฟ

  1. เป็นฝีมือของกองทัพขาว 
  2. เป็นความตั้งใจของ ลีโอนิค โดยลำพัง 
  3. กลุ่มก่อการร้ายในเลนินกราด 
  4. แผนการสมรู้ร่วมคิดของทร็อตสกี 
  5. แผนของต่างชาติ 

แต่ว่าสตาลินเอง ปฏิเสธข้อ 2 และ 5 ลีโอนิค นิโคเลียฟ ถูกประหารในวันที่ 28 ธันวาคม 1934 พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของพรรคอีก 13 คน คาดว่าถูกสังหารในห้องใต้ดินของอาคารเลนินกราดเซ็นเตอร์ (Ленинградский центр)

Don`t copy text!