Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Konstantin Chernenko

คอนสแตนติน เชอร์เนนโก้ (Константин Устинович Черненко)

เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ 1984-1985
เขาเกิดในหมู่บ้าน บอลชายา เตส (Bolshaya Tes) ในเขตคราสโนยาร์ส (Krasnoyarsk) ไซบีเรียน บิดาของเขาชื่ออุติน (Устин Демидович, Ustin Demidovich) เป็นชาวยูเครน ที่เข้ามาทำงานเป็ฯแรงงานในเหมืองทองคำ ในขณะที่มารดาชื่อ คารีทีน่า (Харитина Дмитриевна Черненко, Kharitina)มีอาชีพในการทำเกษตร แต่ว่ามารดาเสียชีวิตจากโรคไทฟอยด์ ในปี 1919 ขณะที่เชอร์เนนโก้อายุแค่แปดปี  หลังการเสียชีวิตของแม่แล้ว พ่อของเขาได้แต่งงานใหม่
1929 เชอร์เนนโก้ เข้าเป็นยุวคอมมิวนิสต์ และทำงานให้กับหน่วยโฆษณาและชวนเชื่อ 
ในปีนี้มีการบังคับเกณฑ์ทหารด้วยในโซเวียต ทำให้เขาต้องไปรับใช้ชาติ ระหว่างปี 1930-1933 นั้นเขาทำงานเป็นทหาร ลาดตะเวณบริเวณพรหมแดนระหว่างโซเวียตและประเทศจีน ในคาซัคสถาน แต่ระหว่างที่อยู่ในกองทัพนี้เขาไม่เคยหยุดที่จะทำงานให้กับพรรคและยังคงทำการโฆษณาชวนเชื่อต่อไป
1931 เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเต็มตัว
1933 หลังจากปลดประจำการจากกองทัพแล้ว เดินทางกลับไปยังคราสโนยาร์ส ทำงานในหน่วยโฆษณาชวนเชื่อประจำเขตโนโวเซโลโว่ (Novoselovo District) ซึ่งไม่กี่ปีต่อมาเขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยในเขตอูยาร์ส เรย์กอม (Uyarsk Raykom)
1938 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการของ Krasnoyarsk House of Party Enlightenment 
1939 เป็นรองหัวหน้าของ AgitProp ประจำเขตคราสโนยาร์ส
1943-1945 เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียน Moscow High School of Party Organizers
1945 ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคประจำจังหวัดเพนซ่า ( Party Secretary for Ideology at Penza Provincial Committtee) 
1950 เป็นปีที่เขาได้พบกับเบรสเนฟ  (Leonid Brezhnev) ซึ่งทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนรักกันจนกระทั้งเสียชีวิต ตอนนั้นเบชเนฟ ได้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมอลโดเวีย (1950-1952) และเขาประทับใจในความสามารถในการทำโฆษณาชวนเชื่อของเชอร์เนนโก้มาก
1948-1953 เข้าเรียนที่สถาบันครูคินิเชฟ ( Kishinev Pedagogical Institute) หลังจากเรียนจบได้ทำงานแปลผลงานของเลนินไปเป็นภาษามอลดาเวีย
1964 หลังจากครุสเชฟ ถูกโค่นออกจากอำนาจ โดยเบรสเนฟ , ในปี 1965 เชอร์เนนโก้ได้รับแต่งตั้งให้เข้าเป็นผู้อำนวยการของศูนย์คณะกรรมการกลางพรรค (Head of the General Deparment of Central Committee) ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการประชาสัมพันธ์ของโพลิตลุโร และงานด้านการเตรียมร่างกฏหมายและคำสั่งของพรรค
1971 ในการประชุมพรรคครั้งที่ 24 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการกลางอย่างสมบูรณ์
1978 27 พฤศจิกายน ได้เป็นสมาชิกโพลิตบุโร  ทำให้เขามีอำนาจเป้นอันดับสองรองเพียงครุสเซฟ เท่านั้น
1982 หลังการเสียชีวิตของเบรสเนฟ  ในเดือนพฤศจิกายน ในตอนแรกอำนาจควรจะตกเป็นของเขา แต่ว่าเขาได้รับเสียสนับสนุนภายในพรรคไม่เพียงพอ เหตุผลหนึ่งเพราะกองทัพ และเคจีบี ไม่ชื่นชอบในตัวของเบรสเนฟ  ทำให้เชอร์เนนโก้พลอยได้รับผลร้ายไปด้วย และที่สุดแล้วยูริ แอนโดรบอฟ (Yuri Andropov) อดีตเคจีบี ได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคไป ตัวเชอร์เนนโก้ นั้นยอมรับความพ่ายแพ้โดยสดุดี เขาไม่ต้องการเห็นความวุ่นวายภายในประเทศ และยังคงมีความสุขในการทำงานด้านอุดมการณ์ของพรรคต่อ
1984 แอนโดรบอฟ เสียชีวิตอย่างกระทันหันในเดือนสิงหาคม 1983 ทำให้เชอร์เนนโก้ เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการพรรคแทนในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1984 แม้ว่าในตอนนั้นเอง เชอร์เนนโก้ ในวัย 73 ปี ก็มีปัญหาสุขภาพ เชอร์เนนโก้ นั้นมีปัญหารเรื่องปอด มีปัญหาป่วยเป็นระยะๆ ระหว่างการดำรงตำแหน่ง ทำให้ทำงานไม่ได้เต็มที่ มีผลงานคือการประกาศคว่ำบาตรการแข่งขันโอลิมปิกในสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐเคยคว่ำบาตรโอลิมปิกที่มอสโคว์ในปี 1980, เขาพยายาปฏิรูปการศึกษา, การฟื้นฟูชื่อเสียงของสตาลิน, ฟื้นฟูความสัมพันธ์ด้านการค้ากับประเทศจีน และแสดงความปรารถนาจะเยือนสหรัฐเพื่อพบกับเรแกน
1985 เขามีอาการป่วยมาตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 1984 ทำให้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลและทำงานโดยการส่งเอกสารจากห้องผู้ป่วย กว่าที่เขาจะกลับไปทำงานในเครมลินอีก ก็ต้นปี 1985 แต่ก็ในสภาพที่ไม่ค่อยจะแข้งแรงแล้วไม่สามารถที่จะเดินได้และต้องนั่งรถเข็นตลอด 10 มีนาคม ตอนเวลา 19.20 น. เขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย มีพิธีเผาศพเข้าในวันที่ 13 มีนาคม ที่จตุรัสแดง
ภรรยาคนแรกของเขาชื่อ ไฟน่า (Faina, Фаина Васильевна) เขามีลูกชายชื่อ อัลเบิร์ต(Альберт и дочь Л)และลูกสาวชื่อลิเดีย ( идия) แต่ว่าพวกเขาหย่าร้างกัน
ภรรยาคนที่สองชื่อว่าแอนนา (Anna Lyubmova, Анна Дмитриевна Люби́мова) เธอเรียนจบด้านวิศวการเกาตร จากสถาบัน ซาราตอฟ (Saratov Institute) ทั่งคูแต่งงานกันในปี  1944 มีลูกสาวชื่อเยเลน่า ,เวร่า , และลูกชาย วลาดิมีร์

Don`t copy text!