Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Nicholai Miklukho-Maklai

Nicholai Miklukho-Maklai

นิโคไล มิคลูโค่-แม็กไล (Николай Николаевич Миклухо-Маклай)

นักมนุษย์วิทยา ที่ทำการสำรวจบริเวณออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เขาเกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม 1846 ในเขตนอฟโกรอด สถานที่ที่เขาเกิดนั้นเป็นเพีบงค่ายพักชั่วคราวสำหรับแรงงานที่กำลังก่อสร้างทางรถไฟ พ่อของเขาเป็นวิศวกรที่กำลังทำโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายมอสโคว์-นอร์เวย์ อยู่ในขณะนั้น มีชื่อว่า นิโคไล อิยิช มิคลูโค่ (Николай Ильич Миклуха, Nikolai Ilyich Miklukho) ซึ่งตระกูล มิค-ลูโค่ สืบเชื้อสายมาจาก สเตปาน มิคลูโค่ (Stepan Myklukha) เป็นชาวคอสแซ็คในยูเครน (Zaporozhian Cossack) ที่ร่วมรบในสงครามรัสเซียและตุรกี (1787-1792) ในสมัยของพระนางแคทเธอรีน ที่  2
แม่ชื่อว่า เยแคทเธอรีน่า(Ekaterina Semenovna Becker) เธอเป็นลูกสาวของพันเอกเซเมียน เบคเกอร์ (Colonel Semyon Becker) ซึ่งมีชื่อเสียงจากการร่วมรบในสมรภูมิปี 1812 กับนโปเลียน, ตระกูล เบคเกอร์ นั้นสืบเชื้อสายมาจากเยอรมัน
แม็กไล นั้นเป็นลูกคนที่  3 ในบรรดาพี่น้อง 6 คน , 
1857 ตอนที่เขาอายุ 11 ปี พ่อของเขาก็มาเสียชีวิต ทำให้ครอบครัวต้องอยู่ในฐานะลำบากทางการเงิน
1858 ครอบครัวก็ย้ายมาอยู่ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก และเขาเข้าเรียนที่ระดับมัธยมที่ยิมเนเซียมในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (Second St.Peterburg Gymnasium)
1864 เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์เบิร์กทางด้านฟิสิกและคณิตศาสตร์ แต่ว่าเรียนได้ประมาณแค่สองเดือนก็ถูกไล่ออก เนื่องจากทำผิดกฏของมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองและการประท้วง  , หลังจากนั้นเขาจึงเดินทางไปเรียนที่เยอรมันแทน โดยเข้าเรียนที่มหาวิทยาลับไฮเดลเบิร์ก ( University of Heidelberg) ทางด้านปรัชญา แต่ว่าปีต่อมาก็ย้ายมาเรียนทางด้านการแพทย์ ที่มหาวิทยาลัยเลียฟซิก (University of Leipzig) แต่ก็ย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเจน่า (University of Jena) ทางด้านสัตวศาสตร์  (Zoology) โดยได้รู้จักกับนักสัตวศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน เอิร์น แฮคเกล (Ernst Haeckel) ซึ่งทั้งสองและสังคมในขณะนั้นให้ความสนใจหนังสือของชาร์ล ดาร์วิน เรื่อง Origin of Species (พิมพ์ครั้งแรกในปี 1859)
1866 เขาเดินทางไปหมู่เกาะคานารี (Canary Islands) ในฐานะผู้ช่วยของ แฮคเกล 
1868 หลังจากเรียนจบ เขาเดินทางไปสำรวจสิ่งมีชีวิตในทะเลแดง
1869 เดินทางกลับรัสเซีย และได้รับความช่วยเหลือจากสมาคมภูมิศาสตร์แห่งรัสเซีย (Russian Geogprahic Society) ซึ่งขณะนั้นมีแกรนดุ๊ก คอนสแตนติน นิโคลาเยวิช (Grand Duke, Konstantin Nikolayevich) เป็นประธาน ที่ต้องการให้แม็กไล เดินทางไปยังนิวกีนี และมองหาท่าเรือที่เหมาะสมสำหรับเรือจากรัสเซีย
1870 ตุลาคม ออกเดินทางสำรวจอีกครั้งด้วยเรือ วิตแยซ (Витязь, Vityaz) โดยมุ่งหน้าไปยังนิวกีนี (New Guinea) ซึ่งเขาเดินทางมาถึงในเดือนกันยายนของปีถัดไป และได้แวะตามจุดต่างๆ บนเกาะเพื่อสำรวจชีวิต ภาษา ของชนพื้นเมือง
1872 การสำรวจของเขาสิ้นสุดในเดือนธันวาคม เมื่อมีเรือ Izumrud มารับเขาเพื่อเดินทางกลับในเดือนธันวาคม 
ระหว่างการเดินทางกลับนี้ เขาได้แวะเพื่อสำรวจคนพื้นเมืองในประเทศฟิลิปปินส์ 
1873 เดินทางกลับมาถึงเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
1876 เดินทางไปไมโครนีเซีย (Micronesia) และ เมลานีเซีย (Melanesia) ทางตะวันออกของออสเตรเลีย ซึ่งเขาพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้เป็นชนเผ่าที่เหมือนกับที่ปาปัว
หลังจากนี้ได้เดินทางไปสำรวจนิว กีนี อีกเป็นครั้งที่สอง แต่ว่าครั้งนี้อันตรายกว่าเดิมมาก เพราะชนเผ่าบริเวณดังกล่าวเข้าโจมตีกระท่อมที่เขาสร้างเพื่อพักอาศัย และสังหารเพื่อนร่วมทางของเขาเสียชีวิต
เดินทางสำรวจที่มาเลเซียและสิงคโปว์
1878 18 กรกฏาคม  เดินทางมาถึงออสเตรเลีย เขาได้ร่วมมือกับสมาคม Linnean Society ในการก่อสร้างศูนย์ศึกษาส่ิงมีชีวิตทางทะเส (Marine Biological Station) ซึ่งตั้งอยู่บนอ่าววัตสัน (Watson’s Bay)
1882 กลับมาถึงรัสเซียอีกครั้งหนึ่ง ในเดือนกันยายน เขาได้รับการต้อนรับราววีรบุรุษ และได้รับรางวัลเหรียญทองจากสมาคมภูมิศาสตร์ และเอกสารสดุดีจากซาร์อเล็กซานเดอร์ ที่ 3
 เขาทำงานเป็นผู้บรรยายให้กับสมาคมภูมิศาสตร์แห่งรัสเซีย เป็นบางครั้ง และหลังจากกลับมาจากออสเตรเลียครั้งนี้เขาเริ่มใช้นามสกุล Maklai ต่อท้าย นามสกุลเดิม โดยเชื่อว่าบรรพบุรุษของตระกูลมิคลูโค่ คือ ตระกูลแม็กไล ที่สืบเชื้อสายมาจาก บารอน ไมเคิ้ล แม็กเลย์ (baron Michael McLay) ชาวสก็อต ซึ่ง ไมเคิ้ล แม็กเลย์ ถูกจับโดย โบห์ดาน คเมลนิตสกี (Bohdan Khmelnytsky) รองผู้บัญชาการชาวคอสแซ็คในยูเครน ในปี 1646
1883 มีนาคม เขาออกเดินทางมุ่งหน้ากลับไปยังซิดนีย์อีกครั้งหนึ่ง โดยขึ้นเรือโดยสารเรือชื่อสโกเบเลฟ (Skobelev,Скобелев) และเมื่อไปถึงออสเตรเลีย ก็พบว่าผลงานสะสมของเขานั้นถูกนำลายเพราะเพลิงไหม้
1884 27 กุมภาพันธ์ แต่งงานกับ มาร์กาเร็ต คลาร์ค (Margaret Emma Robertson) เธอเป็นน้องสาวของนายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์, ออสเตรเลีย, จอห์น โรเบิร์ตสัน  (John Robertson) ต่อมาทั้งคู่มีลูกชายด้วยกันสองคน
แม็กไล มีชื่อเสียงจากการที่เขาปฏิบัติต่อชนเผ่าพื้นเมืองด้วยฐานะที่เท่าเทียมกัน  เขาเขียนจดหมายไปยังรัฐบาลเยอรมัน ของบิสมาร์ค (Chancellor Bismarck) เรียกร้องสิทธิให้กับชนพื้นเมือง ต่อต้านการจับพวกเขามาเป็นทาส  
นักสำรวจชาวเยอรมัน อัตโต้ ฟินช์ (Otto Finsch) ใช้การหลอกว่าตัวเขาเป็นน้องชายของแม็กไล เพื่อทำให้ชาวนิวกินี ไว้วางใจ  และภาระกิจของฟินซ์สิ้นสุด เมื่อเยอรมันในการผนวก นิวกินี เป็นอาณานิคมได้ (1884-1914)
1886 เขาเดินทางกลับมารัสเซียอีกครั้ง พร้อมครอบครัว และตัวอย่างสิ่งมีชีวิตกว่า 22 กล่อง ซึ่งบางส่วนได้นำมาเปิดแสดงให้ประชาชนชม
1888 เสียชีวิต ในวันที่ 2 เมษายน ขณะอายุเพียง 42 ปี  ด้วยอากาศเนื้องอกในสมอง ร่างของเขาถูกประกอบพิธีที่สุสานโวลกอฟ (Volkov cemetery) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เขามอบกระดูกที่เหลือให้กับสถาบันการแพทย์ทางทหาร
ภรรยาและลูกเดินทางกลับไปอาศัยในออสเตรเลีย แต่ยังได้รับเงินบำนาญจากรัสเซีย
Don`t copy text!