your grace never been forgotten

Ernest Beaux

เออร์เนสต์ โบ (Эрнест Бо)
ผู้สร้างน้ำหอม Chanel No. 5
ปู่ของโบ เป็นทหารในกองทัพของนโปเลียน ชื่อว่า จีน-โจเซฟ  (Jean Joseph Beaux) เขาเป็นเชลยสงคราม ถูกขังอยู่ในมอสโคว์ ต่อมาเมื่อเขาได้รับการปล่อยตัวจึงได้ปักหลักอยู่ในรัสเซียและได้แต่งงานกับผู้หญิงรัสเซีย  มีลูกด้วยกันสองคน คือ เอ็ดดัวอาร์ด (Edouard) และฮิปโปลิต (Hippolyte)
โบ เกิดในมอสโคว์ ในปี 1882 เขาเป็นลูกชายคนที่สองของเอ็ดดูอาร์ด ตอนนั้นเอ็ดดูอาร์ด ทำงานให้กับบริษัทผลิตน้ำหอม Alphonese Rallet & Co.  ซึ่งตั้งอยู่ในมอสโคว์ ซึ่งเป็นบริษัทแถวหน้าของรัสเซียในเวลานั้น
1898 บริษัท Alphonse Rallet & Co.  ถูกขายให้กับบริษัทน้ำหอมของฝรั่งเศส Chris of La Bacca , โบเพ่ิงสำเร็จการศึกษาพื้นฐาน และได้เข้าทำงานที่  Alphonese Rallet & Co. นี้ โดยเริ่มที่แผนกผลิตสบู่  บริษัทแห่งนี้เป็นผู้ผลิตน้ำหอมขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่งของโลกในเวลานั้น มีพนักงานกว่า 1500 คน 
1900 โบถูกเกณฑ์ทหารตามกฏหมายของฝรั่งเศส เป็นเวลาสองปี
1902 เดินทางกลับมารัสเซีย และกลับเข้าทำงานที่ Alphonese Rallet & Co. โดยได้รับการฝึกด้านการผลิตน้ำหอม  โดยที่ผู้สอนเขาคือ A. Lemercier
1907 หลังสำเร็จการศึกษาด้านการปรุงน้ำหอมแล้ว เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสในแผนกทำน้ำหอม
1912 ในโอกาสเฉลิมฉลอง 100 ปี ชัยชนะของรัสเซียเหนือนโปเลียน  โบ ได้แนะนำโคโลจญ์ชื่อ “Bouquet de Napoleon” ภายใต้แบรนด์ของ Rallet ซึ่งเป็นน้ำหอมกล่ินแรกของโบที่ถือว่าประสบความสำเร็จทางการตลาด
1913 ในการฉลอง 300  ปี ของการก่อตั้งราชวงศ์โรมานอฟ เขาได้แนะนำน้ำหอมกลิ่นใหม่ชื่อ “Bouquet de Catherine” เพื่อเฉลิมพระเกียรติของจักรพรรดินีแคทเธอรีน ที่ 2  แต่ว่าน้ำหอมกลิ่นนี้ไม่ประสบความสำเร็จเพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและเยอรมันที่ตรึ่งเครียดในช่วงเริ่มของสงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ทำให้น้ำหอมที่มีชื่อของแคทเธอรีน ที่ 2 ซึ่งมีเชื้อสายเยอรมันถูกแอนตี้  (ปัจจุบันสูตรการปรุงน้ำหอม Bouguet de Catherine ก็สูญหายไป)
ปีนี้ภรรยาของโบชื่อ อิเรียเด (Iraïde de Schoenaich) ให้กำเนิดลูกชายชื่อ เอ็ดดัวอาร์ด (Edouard)
1914 เมื่อสงครามโลกครั้งที่  1  เริ่มขึ้น โบเข้าประจำการในกองทัพฝรั่งเศส โดยอยู่หน่วยทหารบกต่อสู้กับเยอรมัน 
ช่วงสงครามกลางเมืองในรัสเซีย (1917-1921) ภรรยาของโบพร้อมลูกหนีออกจากรัสเซียผ่านทางฟินแลนด์มายังฝรั่งเศส เธอขาดการติดต่อกับโบ และพบรักใหม่ เธอไปอาศัยอยู่กับเขาที่เมืองนิส (Nice) จนกระทั้งเธอเสียชีวิต
1919 หลังปลดประจำการณ์  เขาพบว่าบริษัท Alphonese Rallet & Co. ได้ย้ายหนีภัยการปฏิวัติรัสเซีย ไปตั้งอยู๋ในเมืองบอคค้า (La Bocca, France) ในฝรั่งเศสแล้ว โบเดินทางไปอาศัยอยู่ในปารีส แต่ว่าเขาเข้าทำงานกับบริษัท Chiris แต่ว่ายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัท Alphonese Rallet & Co. โบ เริ่มปรุงน้ำหอมตัวใหม่ Rallet No.1 ซึ่งบ้างเชื่อว่าเป็นสูตรประยุกต์จาก Bouquet de Catherine ที่สาบสูญ แต่ว่าประยุกต์ใช้สารที่หาง่ายและมีราคาถูกกว่าจาก Chiris เพื่อให้ราคาน้ำหอมถูกลง 
1920 โบ ได้พบกับแชแนล (Coco Chanel) ในเมืองคานน์ โดยความช่วยเหลือของแกรนด์ดุ๊ก ดมิทรี (Grand Duke Dmitri Pavlovich) ซึ่งเป็นคนรักของแชแนล  โบ นำเอาผลงานที่เขาสร้างขึ้นมาให้แชแนลเลือก ซึ่งเธอกำลังมองหาน้ำหอมสำหรับคริสต์มาสตัวใหม่อยู่ โบนำน้ำหอมหมายเลข 1-5 และ 20-24 มาให้แชแนลเลือก ปรากฏว่าแชแนลได้หยิบขวดน้ำหอม อันที่ 5 ขึ้นมา ซึ่งเมื่อโบถามว่า ทำไมถึงเลือกน้ำหอมขวดนั้น แชแนล บอกว่า เพราะเธอมักจะเปิดตัวสินค้าของเธอ ในวันที่ 5 เดือน 5 เป็นประจำ เธอเชื่อว่าเป็นเลขนำโชคของเธอ และเธอตั้งชื่อน้ำหอมกลิ่นนั้นว่า No. 5 ในคริสมาสต์ของปี 1921 แชแนลผลิต No.5 ออกมาเพียงปริมาณเล็กน้อย เพื่อขายให้กับลูกค้าบางกลุ่มของเธอ แต่ปรากฏว่าปีถัดมา มีผู้ที่ต้องการ No.5 จำนวนมากจนทำให้แชแนล ต้องเปิดตัว No.5 อย่างเป็นทางการ 
ช่วงต้นปี 20s นี้ โบ แต่งงานใหม่อีกครั้งหลังหย่ากับอิเรียเด ภรรยาคนที่สองของโบชื่อ อาร์ดิสัน (Ardison) พวกเขามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อแม็กดาลีน (Magdalene) 
1922  โบ ออกจาก Chiris และเข้าทำงานในบริษัทนายหน้าของเพื่อน ชื่อยูจีน  (Eugene Charabot)
1924 4  เมษายน , No.5 ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปโดยพี่น้อง ปิแอร์ และพอล เวอร์เธียเมอร์ ( Pierre , Paul Wertheimer) ร่วมกับ ธีโอฟิล (Theophile Bader) เจ้าของห้างสรรพสินค้า Galeries Lafayette) , กาเลเรียส ได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Perfumes Chanel และได้จ้างโบ ให้มาทำงานเป็นหัวหน้าทีมผลิตน้ำหอม ชาแนลได้รับหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์เป็นค่าตอบแทนการใช้ชื่อเธอเป็นแบรนด์ของน้ำหอม  ซึ่งภายหลังแชแนลและพี่น้องเวอร์เธียเมอร์ต่อสู้กันเพื่อแย่งสิทธิใน No.5 
1954 โบ เกษียรตัวเอง
1961  8 มีนาคม เสียชีวิตภายในอพาร์ตเม้นของเขาในกรุงปารีส อายุได้ 79 ปี  พิธีศพของเขาถูกจัดขึ้นที่โบสถ์นอร์ทเธอดัม (Notre Dame de Grâce de Passy) ในกรุงปารีส โดยในงานตกแต่งด้วยกุหลาบ
Don`t copy text!