Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Pyotr Tchaikovsky

Get Adobe Flash player

เปียเตอร์ อิลิช ไซคอฟสกี  (Пётр Ильич Чайковский)

นักประพันธ์ดนตรี
ไซคอฟสกี เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม  1840 (25 เมษายน O.S. ) ในหมู่บ้านคาม่า-ว็อตกินสก์ , วีแย๊ตก้า (Kama-Votkinsk, Vyatka) พ่อของเขาชื่ออิลย่า (Ilya Petrovich Tchaikovsky) มีอาชีพเป็นวิศวกร   มีตำแหน่งเป็นพันโทในกองทัพ ทำงานในแผนกการทำเหมืองแร่ 
ปู่ของทไซชอฟสกี ชื่อ ปีเตอร์ ไซก้า (Peter Fedorovich Chaika)  เคยเป็นผู้ว่าของวีแยตก้า เขาเป็นคนเปลี่ยนนามสกุล Chaika (Чайки) มาเป็น ไซคอฟสกี  ปีเตอร์ มีลูกทั้งหมด 11 คน โดยที่อิลย่า พ่อของไซคอฟสกี เป็นลูกคนที่สิบ
แม่ของไซคอฟสกี ชื่อ อเล็กซานดร้า (Alexandra Andreyevna Assier) มีเชืื้อสายฝรั่งเศส เป็นภรรยาคนที่สอง (จากสาม) ของอิลย่า พวกเขาแต่งงานกันในปี 1837 , ไซคอฟสกี เป็นลูกคนที่สองของทั้งคู่ เขามีพี่ชายชื่อนิโคลัส (Nicholas, b. 1838) และน้องสาวอเล็กซานดร้า (Alexandra, 1842) และ ฮิปโปไลตัส (Hippolytus) และน้องชายฝาแฝด อนาโตลี (Anatoly, b.1850 ) กับ โมเดสต์ (Modest, b.1850) 
อเล็กซานดร้าน้องสาวของไซคอฟสกี แต่งงานกับ เลฟ ดาวิดอฟ (Lev Davydov) ทำให้ ไซคอฟสกี สนิทวลาดิมีร์ ดาวิดอฟ  (Vladimir Davydov) หรือชื่อเล่นว่า บ๊อบ (Bob) 
ตอนห้าขวบเริ่มเรียนเปียโนกับ มาเรีย ปาลชัยโกว่า (Maria Palchikova) ครูสอนดนตรีในเมือง
หลังจากได้ยินเพลง Don Giovanni ของโมซาร์ททำให้เขาหันมาสนใจดนตรีอย่างจริงจัง
1843 พ่อแม่ของเขาจ้างแฟนนี่ เดอร์บาช (Fanny Durbach) วัย 22 ปี มาเป็นครูสอนไซคอฟสกีกับนิโคลัสที่บ้าน ซึ่งทำให้ไซคอฟสกีสามารถพูดภาษาเยอรมันและฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดีตั้งแต่อายุหกขวบ 
ตอนอายุห้าปี เขาเริ่มเรียนเปียโน 
1849 ครอบครัวเขาย้ายมาอยู่ในเมือง Alapaevsk แถบเทือกเขายูราล 
1850 อิลย่า พ่อของเขาได้ตำแหน่งผู้อำนวยการของสถาบันเทคโนโลยีเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (St.Peterburg Technological Institute) ซึ่งไซคอฟสกี เข้าเรียนด้านกฏหมายที่โรงเรียนใกล้กันชื่อ  School of Jurisprudence  แต่ว่าที่โรงเรียนนี้จะรับนักเรียนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป แต่ตอนนี้ไซคอฟสกีมีอายุเพียง 10 ขวบ ทำให้ไซคอฟสกี ถูกส่งไปต่างประเทศ  2 ปี ก่อนที่จะกลับมาเรียนที่นี่ ในปี 1852 ซึ่ง 2 ปีที่ต้องห่างจากครอบครัวโดยเฉพาะแม่ มีผลกระทบต่อจิตใจของไซคอฟสกี อย่างมาก
ที่โรเรียนไซคอฟสกี มีเพื่อนสนิทอย่างอเล็กซี (Aleksey Apukhtin) และวลาดิมีร์ (Vladiir Gerard) 
1854 ตอนอายุ 14 ปี แม่ของเขาเสียชีวิต  โดยการติดเชื้ออหิวาห์ (cholera) 
1855 พ่อของเขาให้ทุนเรียนเข้าคอร์สเรียนพิเศษด้านดนตรีกับลูดอล์ฟ คันดินเจอร์ (Rudolph Kundinger)
1859 เรียนจบและเข้าทำงานกับ Civil Service  และไม่นานก็ได้ทำงานกับกระทรวงยุติธรรม
1861 เข้าเรียนในคลาสดนตรีที่จัดโดยสมาคมดนตรีแห่งรัสเซีย (Russian Musical Society)
1862 เข้าเรียนที่วิทยาลัยดนตรีเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (St.Petersburg Conservatory)  ครูของเขาคนหนึ่งคือ นิโคไล ซาเรมบา (Nikolai Zaremba) และแอนตัน รูบินสไตน์ (Anton Rubinstein)  ไซคอฟสกี แต่ง Symphony No.1 ตอนที่เรียนอยู่ที่นี่ แต่ว่าตอนนั้นซาเรมบาไม่ยอมรับให้ดนตรีของเขาถูกนำไปแสดง
1865  เรียนจบจากวิทยาลัยดนตรีและได้ย้ายมาอยู่ที่มอสโคว์ตามคำชวนของนิโคไล รูบินสไตน์ (Nikolai Rubinstein) ซึ่งเสนองานในตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านดนตรีในวิทยาลัยดนตรีมอสโคว์ (Moscow Conservatory)  ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้น
ข้อมูลบางแห่งบอกว่าระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม -11 กันยายน ไซคอฟสกี เปิดการแสดงต่อหน้าสาธารณะเป็นครั้งแรก การแสดงชื่อเรื่อง Characteristic Dances ที่ Pavlovsk โดยที่โจฮันน์ สเตราสส์ (Johann Strauss) ทำหน้าที่เป็นคอนดักเตอร์ 
1867 ธันวาคม โอเปร่าเรื่อง The Voevoda โดยเขาร่วมเอา Characteristic Dances เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงด้วย
1868 ได้รู้จักกับนักดนตรีกลุ่ม Mighty Handful (Могучая кучка)
 ปีเดียวกันนี้ยังได้รู้จักกับเดซิรี (Desiree Artaud) ซึ่งไซคอฟสกี เขียนเพลง Concerto for paino and orchestra No.1  ให้แก่เธอ แต่ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จบลง เมื่อเดซิรี แต่งงานกับนักร้องหนุ่มชาวสเปน มาริเอโน่ (Mariano Padilla and Ramos ในปีถัดมา
 Symphony No.1 in G minor, Op. 13 “Winter Dreams” เปิดตัวในมอสโคว์ 
1869 30 มกราคม, โอเปร่าเรื่องแรกของไซคอฟสกี เรื่อง Voivod (บทประพันธ์ของ อเล็กซานเดอร์ ออสทรอฟสกี (Alexander Ostrovksky)) เปิดการแสดงในโรงละครบอลชอย
1872 มีผลงานเขียนบทความด้านดนตรีลงในหนังสือพิมพ์รัสเซียนกาเซตต้า (Russian Gazette)
1873 ธันวาคม , The Tempest ( บทประพันธ์ของเชคเปียร์) ที่แต่งเป็นซิมโฟนีโดยไซคอฟสกี ถูกนำไปแสดงโดยนิโคไล รูบินสไตน์ 
1877 กุมภาพันธ์  มีผลงานโอเปล่าเรื่อง Swan Lake เปิดแสดงที่โรงละครบอลชอย
18 กรกฏาคม แต่งงานกับแอนโตนิน่า มิลยูโกว่า  (Anotonina Milyakova) ซึ่งหลังจากแต่งงานไม่กี่สัปดาห์ไซคอฟสกี พยายามที่จะฆ่าตัวตาย อาจจะเป็นเพราะรู้สึกผิดหรือมิลยูโกว่ารู้ความจริงที่ว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศ  
1878 ลาออกจากวิทยาลัยดนตรีมอสโคว์ และเดินทางไปต่างประเทศ ช่วงเวลานี้ไซคอฟสกี ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากนาเดชด้า เมคก์ (Nadezhda von Meck) หญิงม่ายที่ร่ำรวยเพราะมรดกจากสามีที่เป็นเจ้าของกิจการรถไฟ  ซึ่งทั้งคู่เขียนจดหมายติดต่อกันนับพันฉบับ เธอให้เงินสนับสนุนไซคอฟสกีปีละหลายพันรูเบิ้ล แต่ว่ากลับไม่เคยได้พบตัวจริงของกันและกันเลย แต่เพลง Symphony No.4 เป็นเพลงหนึ่งที่ไซคอฟสกีเขียนให้แก่เธอ 
1879 เขียนโอเปร่าเรื่อง The Maid of Orleans 
1881 หลังการเสียชีวิตของนิโคไล รูบินสไตน์  , ไซคอฟสกีแต่งเพลง Piano Trio in A Minor เพื่ออุทิศให้แก่เขา
1885 ซาร์อเล็กซานเดอร์ ที่ 3 (Alexander III) มอบรางวัล Order of St. Vladimir ชั้นที่ 4 ให้กับเขา และเขาได้รับเงินบำนาญตลอดชีวิตปีละ 3000 รูเบิ้ลจากซาร์ หลังจากเขาสร้างโอเปร่าเรื่อง Eugene Onegin 
ปีนี้เขาย้ายกลับมาอยู่ที่รัสเซีย ในไมดาโนว่า (Maidanovo) ใกล้กับ คลิน(Klin) ในเขตมอสโคว์ (Moscow region) เขาได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการของสมาคมดนตรี สาขามอสโคว์ 
1891 ย้ายมาอยู่ที่คลิน
ปีนี้เขาเดินทางไปเปิดการแสดงที่สหรัฐด้วย ซึ่งในวันที่ 5 พฤษภาคม ได้มีโอกาสร่วมแสดงกับนิวยอร์คซิมโฟนีออร์เคสตร้าในงานเปิด Caenegie Hall ในนิวยอร์ค  และยังเดินทางไปแสดงในบัลติมอร์ และฟิลาเดลเฟียด้วย 
1893 ได้รับปริญญาเอกดุษฏีบัณฑิตฯด้านดนตรีจาก ม.แคมบริดจ์ 
28 ตุลาคม แสดงคอนเสิร์ต โดยมีการเปิดตัว Symphony No.6  (Pathetique) เป็นครั้งแรก 
9 วันต่อมาหลังคอนเสิร์ตไซคอฟสกี เสียชีวิตในคือวัน 6 พฤศจิกายน (25 ตุลาคม O.S.) เวลา 3 นาฬิกาในตอนเช้า ภายในบ้านของเขา สาเหตุของการเสียชีวิตมีทั้งที่เชื่อว่าเขาป่วยด้วยโรคอหิวาต์ หรือสมมุติฐานว่าเขาฆ่าตัวตาย
พิธีศพของเขาถูกจัดขึ้นที่วิหารคาซาน (Kazan Cathedral) ก่อนจะนำไปฟังที่ (Alexander Nevsky Monastery)
Don`t copy text!