Numquam prohibere somniantes 

Never stop dreaming

Joseph Brodsky

โจเซฟ บร็อดสกี (Иосиф Александрович Бродский)

บร็อดสกี เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 1940 ในเลนินกราด 
พ่อของเขาชื่ออเล็กซานเดอร์ (Aleksander Ivanovich Brodsky) มีอาชีพเป็นช่างภาพให้กับสำนักข่าวทาสส์ (TASS) และหนังสือพิมพ์อิซเวลเทีย (Izvestia) จนกระทั้งในสงครามโลกครั้งที่สองอเล็กซานเดอร์ไปทำงานเป็นนักข่าวให้กับกองทัพ และหลังสงครามแล้วเขาทำงานให้กับพิพิธภัณฑ์ทหารเรือในเลนินกราด 
แม่ของเขาชื่อมาเรีย (Maria Moiseyevna Volpert) เธอทำงานเป็นนักแปลภาษา ซึ่งเธอเชี่ยวชาญภาษาเยอรมัน และหลังสงครามโลกทำงานเป็นพนักงานบัญชี
ในวัยเด็กบร็อดสกี ฝันที่จะเป็นทหารเรือ 
1955 เมื่ออายุ 14 ปี เขาลาออกจากโรงเรียน และมาทำงานในโรงงานผลิตปืนใหญ่ และหลังจากนั้นก็เปลี่ยนงานหลายครั้ง
1959 เข้าร่วมกับทีมสำรวจภูมิศาสตร์ และได้เดินทางไปแถบยากูตส์ก (Yakutsk) ซึ่งที่เมืองนี้เขาได้เดินเข้าไปในเมืองและได้ซื้อหนังสือบทกวีของบาราตินสกี (Baratynsky) มาอ่านฆ่าเวลา ซึ่งบร็อดสกีบอกว่ามันเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากจะเป็นนักเขียน
1961 ได้รู้จักกับ Anna Akhmatova กวีและนักเขียนที่เขาชื่นชอบ 
1962 มีความรักครั้งแรกกับมาริน่า บาสมาโน่ว่า (Marina Basmanova) เธอเป็นศิลปินที่เขียนภาพ แต่ว่าทั้งคู่มีความเห็นไม่ตรงกันและมีปัญหากันบ่อย ทำให้รักๆ เลิกๆ กันหลายหนภายในระยะเวลาสั้นๆ 
1963 งานเขียนของบร็อดสกีถูกโจมตีจากหนังสือพิมพ์ The Evening Leningrad เป็นฉบับแรก โดยถูกต่อว่าบทกวีที่เขาเขียนนั้นต่อต้านโซเวียต เวลานั้กบร็อดสกีกลัวว่าจะโดนจับจึงได้หลบหนีไ ก่อนเดินทางไปเขาพามาริน่าไปฝากไว้กับเพื่อนชื่อดมิทรี โบดีเชฟ (Dmitry Bobyshev) บร็อดสกีหลบไปอยู่ที่มอสโคว์ แต่ว่าไม่นานก็กลับมาเลนินกราด แต่เมื่อกับมาเขาพบว่ามาริน่าและดมิทรีมีความสัมพันธ์กันไปแล้ว ซึ่งบร็อดสกีโกรธดมิทรีจนตลอดชีวิตของเขา
1964 13 กุมภาพันธ์ เขาถูกจับในข้อหาตีพิมพ์ผลงานใต้ดินโดยไม่ได้รับอนุญาติ บร็อดสกีถูกส่งไปเรือนจำเครสตี้ (Kresty prison) หลังจากนั้นเขาถูกส่งตัวให้กับสถาบันทางจิต และต่อมาถูกส่งไปค่ายใช้แรงงานหนัก ในหมู่บ้านโนเรนสกาย่าในอาร์คแอนเจิ้ล (Norenskaya village, Arkhangeltsk Region) ซึ่งเขาทำงานอยู่ที่นี่นานสิบแปดเดือน ระหว่างนี้มาริน่าเดินทางมาเยี่ยมเขาและอาศัยอยู่ด้วยนานหลายเดือน 
1965 ได้รับการลดโทษ เพราะว่าเพื่อนของเขาที่เป็นนักเขียนหลายคนทั้งในและต่างประเทศช่วยกันประท้วง  บร็อดสกีได้อนุญาตให้เดินทางกลับเลนินกราด และกลับไปทำงานเขียน
Verse and Poems ตีพิมพ์ในสหรัฐ
1967 8 ตุลาคม,มาริน่าให้กำเนิดลูกชายของบร็อดสกี ชื่อ แอนเดรย์ (Andrei)  ซึ่งบร็อดสกีได้มีโอกาสพบกับแอนเดรย์หลังโซเวียตล่มสลายไปแล้ว
1971 ได้รับคำเชิญให้อพยพไปอยู่อิสราเอลถึงสองครั้งแต่ว่าบร็อดสกีปฏิเสธ เมื่อทางการโซเวียตถามเขาว่าทำไมถึงปฏิเสธที่จะไปอิสราเอล เขาก็ตอบว่าไม่ต้องการจะจากประเทศบ้านเกิด
1972 4 มิถุนายน, ถูกเนรเทศออกจากโซเวียต โดยเจ้าหน้าที่จับเขาใส่เครื่องบินที่จะบินไปเวียนนา หลังจากนั้นบร็อตสกีก็ไม่เคยกลับมาโซเวียตอีกเลย  ต่อมาเขาได้รับการช่วยเหลือจากคาร์ล ปรอฟเฟอร์ (Carl Proffer) ซึ่งเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์อาร์ดิส (Ardis Publishers) และยังทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan University) ให้สามารถเข้าไปอาศัยในสหรัฐ 
ในสหรัฐบร็อดสกีเริ่มทำงานเป็นอาจารย์สอนให้กับมหาวิทยาลัยหลายแห่งโดยเริ่มที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน และต่อมาได้สอนให้กับที่เยล , แคมบริดจ์ และอื่นๆ 
1987 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม (Nobel Prize in Literature)
1990 ระหว่างไปสอนหนังสือในฝรั่งเศส เขาได้แต่งงานกับลูกศิษย์ของเขาชื่อมาเรีย (Maria Suzzani) ซึ่งทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกันชื่อแอนนา (Anna
1996 28 มีนาคม เสียชีวิตในนิวยอร์ค  ขณะอายุ 56 ปี ด้วยอาการหัวใจวายภายในอพาร์ตเมนท์ ร่างของเขาถูกฝังที่สุสานบนเกาะซานมิเชล (San Michele island, Venice) ในเวนิช 
Don`t copy text!