Numquam prohibere somniantes 

Never stop dreaming

Apache

กำเนิดอาปาเช่ (Geromino, his own story)

เมื่อตอนที่โลกถือกำเนิดขึ้นมานั้น มันถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีกลางวันกลางคืน และในท้องฟ้าก็ไร้ซึ่งดวงดาว

สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่นั้นมีเพียงแต่สัตว์ร้ายและนก ซึ่งในบรรดาสัตว์ร้ายเหล่านั้น น่าเกรงขาม และหลายตัวไม่มีชื่อเรียกที่เรารู้จัก แต่ก็มีที่เรารู้จักด้วยอย่างมังกร สิงโต เสือ หมาป่า จิ้งจอก บีเวอร์ กระต่าย กระรอก หนู ปลวก  และยังมีสัตว์เลื้อยคลานอย่างกิ่งก่า และอสรพิษ
มนุษย์นั้นไม่สามารถจะอยู่ในสภาวะแวดล้อมเช่นนี้ได้ เพราะว่าสัตว์ร้ายและอสรพิษต่างก็จ้องจะทำร้าย โดยเฉพาะเด็กที่เกิดมาใหม่
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดนั้นได้รับพลังให้สามารถพูดและต่างก็มีเหตุผล
สิ่งมีชีวิตถูกแบ่งออกเป็นสองเผ่าด้วยกัน คือเผ่าของพวกนกหรือพวกที่มีปีก และเผ่าของสัตว์อสูร
 เผ่าของนกนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของหัวหน้า คือ นกอินทรีย์  พวกมันมักจะมีนัดประชุมกันเป็นประจำ และพวกนกต่างก็มีความต้องการที่จะให้บังเกิดแสงสว่างขึ้น  แต่ว่าเผ่าของสัตว์อสูรนั้นปฏิเสธที่จะให้มีแสงสว่าง จนในที่สุดเผ่าของนกและเผ่าของสัตว์อสูรก็เปิดสงครามระหว่างกัน
ฝ่ายสัตว์อสูรนั้นใช้ไม้ตะบองเป็นอาวุธ ส่วนฝ่ายของนกนั้นใช้ธนูและลูกศร
ส่วนฝ่ายของอสรพิษนั้นมันไม่เลือกที่จะไปอาศัยอยู่ที่หน้าผาที่อลิโซน่าเพื่อมองดูสองฝ่ายรบกัน
พวกหมีนั้นเมื่อใดก็ตามที่มันถูกฆ่า มันจะกลายเป็นหมีตัวใหม่หลายตัวเกิดขึ้นมาแทน ดังนั้นยิ่งมีถูกฆ่ามากเท่าไหร่ ก็จะมีหมีอีกมากมายเกิดขึ้นมาแทน 
มังกรนั้นเป็นเป็นสัตว์ที่ไม่มีอะไรฆ่ามันได้ เพราะร่างกายของมันปกคลุมด้วยเกร็ดที่แข็งมากจนแม้แต่ลูกศรก็ไม่อาจจะแทงทะลุได้ 
แต่ก็มีอสูรที่ไม่มีชื่อ ซึ่งร่างกายของมันก็ทนลูกธนูได้เช่นกัน แต่เมื่อมันสู้กับนกอินทรี นกอินทรีได้บินขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมด้วยหินสีขาว แล้วปล่อยให้หินนั้นตกใส่หัวอสูรตนนั้น จนมันถูกฆ่าตายได้ … หินสีขาวจึงเป็นหินที่ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และถูกนำมาใช้ประกอบในพิธีกรรมของชนเผ่า พวกนกกับอสูรนี้สู้กันอยู่หลายวัน แต่ในที่สุดฝ่ายของนกก็เป็นผู้ชนะ  และแสงสว่างก็ถูกจุดขึ้นในโลก มนุษย์จึงดำรงอยู่ได้อย่างมีสุขมาตั้งแต่นั้น และเพื่อแสดงความเคารพแก่นกที่นำเอาแสงสว่างมาให้ มนุษย์จึงได้สวมเสื้อผ้าที่ทำจากขนนก และใช้รูปนกเป็นสัญลักษณ์ในพิธีกรรมต่างๆ 
ตอนแรกเริ่มในบรรดามนุษย์นั้น ยังมีผู้หญิงอยู่น้อย แต่พวกเธอก็ได้กำเนิดเด็กมากมาย แต่ว่าเด็กหลายคนก็ถูกอสูรจับตัวไป เด็กบางคนอาจจะรอดจากอสูรได้ แต่ว่ายังต้องเผชิญกับมังกรที่ฉลาดและชั่วร้าย ที่ชอบกินเด็กเช่นกัน
อยู่มาวันหนึ่งมีทารกคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา เขาเป็นเด็กที่เกิดมาท่ามกลางพายุฝน แม่ของเขารีบพาเขาเข้าไปหลบในถ้ำ แล้วปิดปากถ้ำนั้นไว้ จากนั้นสร้างแคมป์ไฟขึ้นมาด้านหน้า เพื่อให้ความอบอุ่นแก่เด็กที่อยู่ภายใน และยังเป็นสัญลักษณ์ให้แม่จดจำที่อยู่ของถ้ำได้ ซึ่งทุกๆ วันแม่จะเดินมาที่กองไฟนี้ แล้วก็เข้าไปในถ้ำเพื่อดูแลลูกของนาง จนกระทั้งเมื่อกลับเธอก็จะปิดปากถ้ำแล้วจุดกองไฟกองใหม่ขึ้นมา 
มังกรนั้นมักจะมาหาผู้หญิงคนนี้เป็นประจำว่าดูว่ามีเด็กให้มันกินหรือไม่ แต่เธอก็จะบอกว่าเธอไม่มีเด็กอีกแล้ว เพราะลูกของเธอถูกมังกรกินไปหมดแล้ว 
เมื่อเด็กน้อยคนนั้นโตขึ้นมา เขามีความซุกซนและอยากจะออกไปวิ่งเล่นนอกถ้ำตามประสา  จนทำให้มังกรสังเกตุเห็นร่องรอยของเด็กคนนั้นในป่า ทำให้มังกรโมโหมาก แต่ว่ามันยังไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน  มังกรจึงจับแม่ของเด็กไปแล้วขู่ว่าถ้าเด็กคนนั้นไม่ออกมา นางจะถูกฆ่าตาย 
เด็กคนนั้นจึงตัดสินใจที่จะออกไปสู้กับมังกร แม้ว่าแม่ของเขาจะห้ามเอาไว้
เด็กขอร้องให้ลุงของเขา สร้างธนูและลูกธนูให้กับเขา พอรุ่งเช้าวันต่อมา พวกเขาสองคนก็ขี่กวางขึ้นไปบนภูเขา และจากนั้นลุงก็สอนให้เด็กคนนั้นฆ่ากวาง เพื่อใช้หนังของมันสวมใส่ และสอนวิธีในการทำอาหารจากเนื้อกวาง พวกเขาวางเนื้อกวางจำนวนหนึ่งไว้เพื่อล่อให้มังกรออกมา ซึ่งไม่นานมังกรจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น จนแม้แต่ลุงของเด็กก็ยี่นนิ่งด้วยความกลัว
มังกรคว้าเอาเนื้อกวางที่เด็กถืออยู่ไป มันบอกว่าจะกินเนื้อกวางก่อนแล้วค่อยกินเด็ก แต่เด็กน้อยใจกล้ามากเดินไปหาเจ้ามังกรแล้วคว้าเนื้อกวางกลับมา มังกรประทับใจในความกล้าหาญของเด็กน้อย แต่ก็คว้าเนื้อกวางกลับมา พวกเขาแย่งเนื้อกวางกันไปมาสี่ครั้ง
 แล้วเด็กก็ท้าเจ้ามังกรว่า  "ท่านจะสุ้กับข้าไหม ? “ 
มังกรก็บอกว่า "ตกลง, จะสู้กันด้วยวิธีไหนก็ได้แล้วแต่เจ้าต้องการ”
“ข้าจะยืนห่างจากท่านออกไปร้อยก้าว หรือประมาณสี่ก้าวของท่าน แล้วให้ท่านใช้ธนูยิงข้าสี่ครั้ง จากนั้นเราแลกตำแหน่งกันแล้วข้าจะใช้ธนูยิงท่านบ้างสี่ครั้ง” , มังกรตกลง 
ธนูของมังกรนั้นทำด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่แต่ละอันมีความยาวถึงยี่สิบฟุต แต่เมื่อมังกรยิงลูกธนูไปที่เด็ก เด็กคนนั้นก็ร้องด้วยเสียงประหลาดขึ้นมา แล้วลูกธนูก็กลายเป็นเศษไม้เล็กๆ มากมาย แล้วปรากฏสายรุ้งที่ด้านหลังของเด็กคนนั้น เป็นอย่างนี้กับธนูทุกดอกที่มังกรยิงออกไปสี่หน 
จากนั้นเมื่อถึงคราวที่เด็กเป็นฝ่ายที่ต้องยิงมังกรด้วยลูกธนูบ้าง  เจ้ามังกรก็กล่าวอย่างท้าทายว่าลูกศรเล็กๆ ของเด็กคนนั้นไม่อาจจะทำอะไรเกล็ดที่หนาของมันได้อย่างแน่นอน 
เด็กคนนั้นเริ่มยิงลูกศรไปที่ตำแหน่งของหัวใจ และลูกศรแต่ละอันทำให้เกล็ดบริเวณนั้นร่วงลงมา จนในที่สุดก็เปิดเผยให้เห็นผิวหนังบริเวณหัวใจ และลูกศรอันสุดท้ายก็ปักที่หัวใจของมังกรพอดี เจ้ามังกรร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงของมันทำให้เกิดฟ้าฝ่า และพายุฝน ร่างของมังกรตกลงไปที่หุบเหวด้านล่าว 
เด็กชายคนนี้ ชื่อ อาปาเช่ (Apache)
Don`t copy text!