ยูริ โดรซดอฟ (Юрий Иванович Дроздов)
ผู้ก่อตั้งหน่วย Vympel
โดรซดอฟ เกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 1925 ในมินส์ (Minsk), สหภาพโซเวียต พ่อของอิวาน (Ivan Drozdov) เขาเคยเป็นทหารในกองทัพของ่พระเจ้าซาร์ แต่ว่าช่วงการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ได้เลือกที่จะอยู่ข้างฝ่ายบอลเชวิค ส่วนแม่ชื่ออนาสตาเซีย (Anastasia Kuzminichna Pankevich)
1944 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทหารปืนใหญ่เลนินกราด (1st Leningrad artillery school) ซึ่งยังเป็นช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เขาเองหลังเรียนจบได้เข้าร่วมในการบุกกรุงเบอร์ลิน และเมื่อจบสงครามเขาก็ได้ติดยศเป็นพันโท
1945 หลังสงครามโลกยุติ เขาแต่งงานกับลุดมิล่า (Lyudmila Yudenich) ซึ่งทั้งคู่เกิดในปีเดียวกัน เธอเกิดในคาลินิน (Kalinin) แต่ว่าช่วงสงครามในเป็นผู้ช่วยในโรงพยาบาลสนาม ทำให้ทั้งคู่ได้พบกัน พวกเขามีลูกด้วยกันสองคนยูริ (Yuri Drozdov) และอเล็กซานเดอร์ (Alexander)
1954 เข้าเรียนที่สถาบันภาษาต่างประเทศของกองทัพ (Military Institute of foreign languages) โดยเลือกเรียนภาษาเยอรมัน
1956 จบจากสถาบันภาษา หลังจากนั้นได้เริ่มทำงานกับ KGB
1957 เขาถูกส่งไปเยอรมันเป็นครั้งแรก เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมและภาษาเยอรมัน
ในปี 1957 นี้ โซเวียตสูญเสียสายลับมือดีคนหนึ่งไป เมื่อรูดอล์ฟ เอเบล (Rudolf Abel) สายลับซึ่งถูกส่งไปหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ถูกเอฟบีไอ จับตัวเอาไว้ได้ ต่อมาถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาสามสิบปี ระหว่างอยู่ในคุกเอเบลไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับโซเวียต มีเพียงครอบครัวของเขาเท่านั้นที่เขาเขียนจดหมายไปหาได้ ช่วงเวลานี้โดรซดอฟ จึงไได้รับบทเป็นญาติของเอเบลชาวเยอรมันชื่อ เจอร์เก่น (Jurgen Drivs)
1962 10 กุมภาพันธ์, มีการแลกตัวเชลยระหว่างเอเบล กับนักบินของเครื่องบินสอดแนม U-2 ของสหรัฐฯ ฟรานซิส เพาเวอร์ (Francis Powers) ซึ่งเครื่องบินของเขาถูกยิงตกระหว่างบินเข้ามาสอดแนมในน่านฟ้าโซเวียตเหนืองเมืองสเวิร์กดลอฟส์ก (Sverdlovsk) ซึ่งการแลกตัวเชลยถูกจัดขึ้นที่สะพานเกลียนิคก์ (Glienicke Bridge) ระหว่างเยอรมันตะวันออกกับเยอรมันตะวันตก ซึ่งในวันนั้นโดรซดอฟ ในฐานะของเจอร์เก่นได้ร่วมรับตัวเขากลับด้วย
1964 ถูกส่งไปทำงานอยู่ในเมืองจีน จนราวปี 1968
1975 มาอาศัยอยู่ในนิวยอร์ค ในฐานะของที่ปรึกษาของผู้แทนโซเวียตประจำองค์การสหประชาชาติ
1979 Operation Storm-333 เป็นจุดเริ่มต้นของการบุกอัฟกานิสถานของโซเวียต ตอนนั้นโดรซดอฟเดินทางไปยังกรุงคาบูล (Kabul) โดยใช้ชื่อเลเบเดฟ (Lebedev) ก่อนที่จะมีปฏิบัติการบุกทำเนียบประธานาธิบดี (Tajbeg Palace) ซึ่งทหารโซเวียตหน่วยเซนิต (Zenit) และธันเดอร์ (Thunder) แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มของทหารอัฟกานิสถาน และบุกเข้าไปในพระราชวังซึ่งมีทหารของประธานาธิบดีอามิน (Hafizullah Amin) อารักขาอยู่กว่า 200 คน แต่โซเวียตใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ยึดอาคารเอาไว้ได้ แต่ทำให้ประธานาธิบดีอามินเสียชีวิตในการปะทะ และคืนนั้นโซเวียตได้ตั้งบาบรัค คาร์มาล (Babrak Karmal) ขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน
พฤศจิกายน, โดรซดอฟได้รับแต่งแหน่งรองผู้บัญชาการของ KBG และเขายังได้เป็นตัวหน้าของแผนก “Operation S” (Управление С) และต่อมาเขาได้ตั้งหน่วยปฏิบัตการณ์พิเศษ Vympel (Вымпел)
1991 เกษียณโดยมียศชั้นพลเอกของ KGB
1999 เขียนชีวประวัติของเขาชื่อ Notes by illegal intelligence chief
โดรซอฟ ยังมีชีวิตอยู่ และทำธุรกิจส่วนตัว เขาเป็นเจ้าของ Namacon ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา และโดรซดอฟ ยังเป็นนักเขียน มีผลงานอย่างเรื่อง
- Нужная работа: записки разведчика (Need a Job, 1994)
- Россия и мир (Russia and Peace)
- Записки начальника нелегальной разведки (Notes by illegal intelligence chief, 1999)