Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Michel Foucault

มิเชล  ฟูกูลต์ (PaulMichel Foucault)
ผู้เขียน The History Madness, The History of Sexuality
ฟูกูลต์ เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1926 ในเมืองปอยเทียร์ (Poitiers) ฝรั่งเศส ฟูกูลต์มีชื่อเดียวกับพ่อของเขาคือ ดร.พอล ฟูกูลต์ (Paul Foucault) แต่ต่อมาได้ใส่ชื่อกลาง ‘มิเชล’  เข้าไปตามความต้องการของแม่ของเขา ซึ่งแม่ของเขาชื่อแอน (Anne Malapert) เป็นลูกสาวของศัลยแพทย์ ดร.พรอสเฟอร์ (Dr.Prosper Malapert) 
ฟูกูลต์ มีพี่น้องรวมเขาด้วยทั้งหมดสามคน  พี่สาวคนโตชื่อฟรานซีน (Francine), และน้องชายชื่อเดนีส (Denys) ครอบครัวนับถือคริสต์โรมันแคโธริก
1930 เข้าเรียนที่โรงเรียนอองลี ที่ 4 (Lycee Henry-IV ) ในปอยเทียร์ ตั้งแต่ระดับประถมจนกระทั้งมัธยม ฟูกูลต์ มีความสามารถด้านภาษาฝรั่งเศส, กรีก, ลาติน และประวัติศาสตร์ แต่ว่าไม่เก่งวิชาคณิตศาสตร์
1939 กองทัพนาซีบุกยึดฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2  
1940 เข้าเรียนที่วิทยาลลัยเซนต์สตานิสลาส (College Saint-Stanislas)
1943 สำเร็จการศึกษาด้างปรัชญา และหลังจากเรียนขบได้กลับมาเรียนที่โรงเรียนอองลี ที่ 4 ในปอยเทียร์ ด้านประวัติศาสตร์และปรัชญาอีก
1945 เดินทางมากรุงปารีส และสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนอองที ที่ 4 (Henry IV Lyceum) ซึ่งระหว่างที่เรียนที่นี่เขาสนใจงานเขียนของ Nietzsche, Marx, Freud โดยคนที่สอนปรัชญาให้กับเขาคือ Jean Hyppolite
1946 ได้เข้าเรียนที่ Ecole Normale Supérieure สถาบันซึ่งถือว่าดีที่สุดของฝรั่งเศสในยุคนั้น โดยที่เขาเลือกเรียนปรัชญาเป็นหลัก โดยที่อีโคลนี้เขาได้เรียนกับ Maurice Merleau-Ponty 
ระหว่างนี้ได้รับการชักชวนจากหลุยส์ อัลทัสเซอรร์ (Louis Althusser) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของเขา ให้เข้าเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส (French Communist Party) แต่ว่าเขาไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับพรรคและไม่ชอบจุดยืนของพรรรคที่ต่อต้านพวกรักร่วมเพศ
ระหว่างที่เรียนหนังสืออยู่ที่ มีข้อมูลว่าเขามีอาการซึมเศร้า, เครียด และคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง โดยสาเหตุน่าจะมาจากการที่เขามีรสนิยมรักร่วมเพศ ซึ่งยังไม่เป็นที่ยอมรับในเวลานั้น
1951 เมื่อทำเรียนจบ ได้ทำงานเป็นอาจารย์ที่ Ecole Normale Supérieure ด้านปรัชญาและจิตวิทยา ความสนใจด้านจิตเวชทำให้เขาใช้เวลาไปพบกับผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเซนต์แอน (Sainte-Anne hospital) สม่ำเสมอ
1953 เขาลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์
1954 มีผลงานเขียนเล่มแรก Mental Illness and Personality ซึ่งฟูกูลต์พยายามชี้ให้เห็นว่า ความบ้า ไม่ใช่สิ่งที่คงที่และเป็นธรรมชาติ แต่เกิดจากบริบทของสังคมแต่ละยุคสมัย วัฒนธรรม องค์ความรู้ว่าจะกำหนดว่า ความบ้า นั้นคืออะไร
1955 ได้งานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยอัพซาลา (University of Uppsala) ในประเทศสวีเดน โดยเขาสอนด้านวรรณกรรมฝรั่งเศส
1959 เป็นผู้อำนวยการของสถาบันฝรั่งเศส (French Institute) ในแฮมบูร์ก (Hamburg) ระหว่างนี้ที่เขาเริ่มเขียน A History of madness
พ่อของเขาเสียชีวิต
1960 เดินทางกลับมาฝรั่งเศส และได้เป็นศาสตราจารย์ด้านปรัชญาทที่มหาวิทยาลัยเคอร์มองต์-เฟอรรันด์ (Universtiy of Clermont-Ferrand) และได้รู้จักกับ เดเนียล เดเฟิร์ต (Daniel Defert) นายทหารซึ่งนิยมแนวความคิดแบบซ้าย ซึ่งกลายเป็นลูกศิษย์และเพื่อนสนิทตลอดชีวิตของเขา
1964 ฟูกูลต์ตามเดเฟิร์ตซึ่งถูกส่งมาทำภาระกิจในตูนีเซีย (Tunisia) ซึ่งนี่ทำให้เขาได้รับงานเป็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญาในมหาวิทยาลัยตูนิส (University of Tunis) 
1967 เดินทางมาท่องเที่ยวในบราซิล และได้มีโอกาสสอนเลคเชอร์
1966 มีผลงานเขียน The order of Things 
1968 ออกจากตูนิเซียกลับมายังฝรั่งเศส หลังเหตุการณ์ Red May ในฝรั่งเศส 
1969 ได้ตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยาและประวัติศาสตร์ (The history of systems of thought)ที่คอลเลจ เดอ ฟรานซ์ (the College de France)
23 มกราคม, ที่ Lyceum Saint-Louis มีการจัดฉายภาพยนต์เกี่ยวกับเหตุการ์ Red May ซึ่งภาพยนต์ดังกล่าวถูกห้ามฉาย ซึ่งหลังจากภาพยนต์จบ นักศึกษาได้ออกมาประท้วงกันใน Sorbonne จนกระทั้งตอนดึกตำรวจปะทะกับนักศึกษา  ฟูกัวล์ได้ถุกจับไปด้วย
1970 เขาเดินทางไปสอนหนังสือในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก
1971 8 กุมภาพันธ์, ก่อตั้ง Prisons Information Group (GIP) มีเป้าหมายในการเป็นปากเป็นเสียงให้กับนักโทษในเรือนจำ เพื่อให้มีการปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม ต่อต้านการมีโทษประหารหรือเรียกร้องให้มีการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง
กลุ่ม GIP มีการจัดการชุมนุมประท้วงหลายหนขึ้นตามเรือนจำต่างๆ และมักจะต้องเผชิญกับการถูกปราบปรามโดยเจ้าหน้าที่ทางการ
พฤษภาคม, เขากับณอห์ณ-มาเรีย (Jean-Marie Domenak) ถูกจับ หลังจากแจกใบปลิว บริเวณหน้าเรือนจำ Sante
22 พฤศจิกายน, ร่วมเดินขบวนประท้วงในประเด็น appeal to working-class districts
1972 มาสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์คสเตท (New York State Univesity) ในบัฟฟาโล 
16 ธันวาคม, เขาถูกจับ หลังจากประท้วงทางการในคดีของโมฮัมเหม็ด เดียบ (Mohamed Diab) ชาวอัลจีเรีย ที่ถูกตำรวจฆ่าตาย
1973 สนับสนุน Franco Basaglia ในการต่อสู้คดีในอิตาลี ที่เขาเห็นว่ากระบวนการไม่มีความเป็นธรรม
ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Libération 
1976 พิมพ์หนังสือ The History of Sexuality ซึ่งหนังสือเล่มนี้ปฏิเสธคอนเซฟแบบมาร์กซิสต์ ที่ฟูกูลต์เรียกมันว่าเป็น ‘repression hyprothesis’ ซึ่งมองเสรีภาพเพียงด้านเดียว คือ ในด้านลบ การถูกกดขึ่รังแก การถูกจำกัดสิทธิด้านต่างๆ 
1977 เขามีโอกาสเดินทางเข้าไปในอิหร่าน หลังจากเหตุการณ์ Black Friday เพื่อเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับการปฏิวัติอิหร่าน ให้กับหนังสือพิมพ์ Corriere della sera ของอิตาลี  เขามีโอกาสได้พบกับแกนนำต่อต้านชาห์หลายคน และหลังจากกลับมาฝรั่งเศส ฟูกูลต์ยังได้เป็นนักข่าวไปสัมภาษณ์โคมัยนี (Ayatollah Khomeini) ที่พำนักอยู่ในปารีสด้วย
1984 25 มิถุนายน, เสียชีวิตในปารีส คาดว่ามาจากอาการต่อเนื่องของโรคเอดส์
ผลงานเขียน 
The History of Madness in the classical age, 1961
The Birth of the clinic: Archaeology of the medical gaze, 1963
Words and Things, 1966
Archaeology of Knowledge, 1969
Discipline and Punish, 1975

History of Sexuality, 1976
Don`t copy text!