Numquam prohibere somniantes 

Never stop dreaming

Sidney Gottlieb

ซิดนีย์ ก๊อตต์เลี๊ยบ (Sidney Gottlieb)

นักวิทยาศาสตร์หัวหน้าโครงการ MK-Ultra  ของ CIA งานวิจัยของเขาเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติด อย่าง LSD ในการควบคุมจิตใจของเหยื่อ

ซิดนีย์ เกิดวันที่ 3 สิงหาคม 1918 ในบร็องซ์, นิวยอร์ก (Bronx, NY) ชื่อจริงตอนเกิดของเขาคือ โจเซฟ ชิลเดอร์ (Joseph Scheider)   พ่อของเขาเป็นผู้อพยพเชื้อสายยิวจากฮังการี ชื่อหลุยส์ (Louis Gottieb) ซึ่งเปิดร้านขายเสื้อผ้าน และแม่ชื่อแฟนนี่ (Fanny Gottlieb)

ซิดนีย์เป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้องทั้งหมดสี่คน 

1936 จบจากโรงเรียนมัธยมเจมส์ มอนโร (James Monroe High School) และได้สมัครเข้าเรียนต่อที่ซิตี้ คอลเลจ นิวยอร์ค (City College of New York) ในนิวยอร์ค ซึ่งซิดนีย์ได้เรียนฟรีเพราะเขามีผลการเรียนดีมาก ในวิชาคณิตศาสตร์, ฟิสิสก์และเคมี นอกจากนั้นยังลงเรียนในวิชาเกียวกับการพูดในที่สาธารณะ และวิชาดนตรีด้วย 

1937 แต่อย่างไรก็ดี ซิดนีย์อยากที่จะเรียนทางด้านเกษตรชีวภาพมากกว่า ทำให้เขาส่งใบสมัครขอโอนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิล-เมดิสัน (University of Wisconsin-Madison) ซึ่งมีชื่อเสียงในสาขานี้ แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่ซิดนีย์จะโอนย้ายไปเรียนที่ ม.วิสคอนซิลได้ เข้าต้องเข้าเรียนในคอร์สเสริมก่อนที่วิทยาลัยอาร์คันซัส (Arkansan Polytechnic College) ซึ่งปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยอาร์คันซัส (Arkansas Tech University) โดยเขาได้ลงเรียนทางด้าน พฤกษศาสตร์, เคมีชีวภาพ การอนุรักษ์ดิน ป่าไม้

เข้าเรียนต่อที่ ม. วิสคอนซิล-เมดิสัน ทางด้านเคมี

1940 จบปริญญาตรีสาขาเคมี ด้วยเกียรตินิยม ซึ่งหลังจากเรียนจบก็ได้เข้าศึกษาต่อที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (California Institue of Technology)

1942 แต่งงานกับมากาเร็ต (Magaret Moore)

1943 จบปริญญาเอก ทางด้านชีวเคมี  หลังจากเรียนจบเขาและมากาเร็ตได้ย้ายไปอยู่ในแมรี่แลนด์ โดยซิดนีย์ได้งานที่กระทรวงกระเกษตร โดยทำงานวิจัยด้านดิน และต่อมาก็ได้ย้ายมาทำงานที่สำนักงานอาหารและยา (FDA) ซึ่งเขารับผิดชอบการทดสอบระดับยาในร่างกายของมนุษย์

ในช่วงสงครามโลกซิดนีย์ไม่ต้องถูฏเกณฑ์ไปเป็นทหาร เพราะว่าเขามีปลายเท้าที่งอผิดรูป (club foot) มาตั้งแต่เกิด

ไอร่า แบรดวิน (Ira Baldwin) ซึ่งเป็นอาจารย์ของซิดนีย์ตอนที่อยู่ที่ ม.วิสคอนซิล ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการของโครงการพัฒนาอาวุธเคมีและชีวภาพของกองทัพ ซึ่งเขาได้ก่อตั้งฟอร์ต เดทริกค์ (Fort Detrick) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยอาวุธชีวเคมีที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในแมรี่แลนด์ และได้เริ่มนำเอานักวิทยาศาสตร์หลายคนจากนาซีเยอรมันเข้ามาทำงาน

1948 ย้ายมาทำงานที่สภาการวิจัยแห่งชาติ (National Research Council) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Academies of Sciences)

1951 เข้าทำงานกับ CIA ในแผนกวิจัยเคมีของหน่วย OTS (Office of Technical Service) ซึ่งวิจัยเกี่ยวกับยาพิษ ยาเสพติด และสารออกฤทธิ์ต่อร่างกายและสมองต่างๆ ทำให้ซิดนีย์ ถูกรู้จักในฉายา “Black Sorcerer” และ “Dirty Trickster ” 

1953 ได้ตำแหน่งหัวหน้าโครงการ MK Ultra  ซึ่งขณะนั้นอัลเลน ดูลเลส (Allen Dulles) เป็นผู้อำนวยการของ CIA โครงการ MK Ultra นี้เป็นการวิจัยการควบคุมมนุษย์ ด้วยหลากหลายวิธีการ ทั้งการทรมาน การให้สารเคมี การใช้ยาเสพติด เป็นต้น เพื่อนำไปใช้กับงานหาข่าวกรองของ CIA ซึ่งซิดนีย์ สนใจเกี่ยวการทดลองใช้ LSD และสารออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดภาพหลอนเป็นพิเศษ  ซึ่งกรณีที่เป็นข่าวดัง และทำให้โครงการ ML Ultra ถูกเปิดเผยในเวลาต่อมา คือการเสียชีวิตของแฟรงค์ โอลสัน (Frank Olson) นักวิจัยอาวุธชีวภาพของกองทัพ ซึ่งเป็นเพื่อนกับซิดนีย์  โอลสันถูกให้ยา LSD เข้าไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่จะพบว่าเขาตกลงมาจากโรงแรมสแตตเลอร์ (Hotel Statle) ในนิวยอร์ค ซิตี้ ในปี 1953 นี้

1960 (Operation Mongoose) , ซิดนีย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับแผนการลอบสังหารประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตร (Fidel Castro) แห่งคิวบา โดย CIA พยายามวางยาพิษคาสโตรหลายครั้ง เช่น มีการนำ LSD ไปฉีดในห้องถ่ายทำรายการโทรทัศน์ซึ่ง ปธน. คาสโตร จะไปออกรายการ  มีการใส่วางทาลเลี่ยม (Thallium) ในรองเท้าของคาสโตร เพื่อที่จะให้หนวดเคราของเขาร่วง และอีกหลากหลายความพยามที่จะสังหารคาสโตร

นอกจากนั้น CIA ยังพยายามลอบสังหารนายกรัฐมนตรีแพทริก ลุมัมบา (Patrice Lumumba) แห่งคองโก ด้วยการวางยาพิษในแปรงสีฟันด้วย 

มีการลอบสังหารนายพลอะบัด กาซิม (Abd al-Karim Qarim) โดยใช้สารโบทูรินัม (botulinum) 

(Operatin Pheniox) ช่วงสงครามเวียดนาม CIA ยังทดสอบการควบคุมจิตใจ กับเชลยในเรือนจำเบียน เฮา (Bien Hoa) ด้วย

1972 เขาเกษียณจาก CIA หลังจากนั้นกลับไปใช้ชีวิอยู่ในเวอร์จิเนีย โดยทำฟาร์มปศุสัตว์ เลี้ยงแกะ และอุทิศตนให้กับงานด้านสิ่งแวดล้มอและสันติภาพ 

1999 7 มีนาคม, เสียชีวิตภายในบ้านที่เวอร์จิเนีย

Don`t copy text!