your grace never been forgotten

George Koval

จอร์จ โควัล (George Abramovich Koval)

สายลับ GRU ในโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project)

โควัล เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 1913 ในเมืองซิอ๊อกซ์ รัฐไอโอว่า (Sioux, Iowa) สหรัฐอเมริกา พ่อของเขาชื่อว่าเอบราม (Abram Koval) เป็นชาวเบลารุส เชื้อสายยิว ที่อพยพเข้าไปอยู่ในสหรัฐฯ​ เมื่อปี 1910 และประกอบอาชีพเป็นช่างไม้อยู่ในเมืองซิอุ๊กซ์ (SIoux City, Iowa) ส่วนแม่มีชื่อว่าอีเธล (Ethel Shenitsky Koval)  โควัลมีพี่สาวคนหนึ่งชื่อ อิซาย่า (Isaya, b.1912) และมีน้องชายชื่อ กาเบรียล (Gabriel, b.1919)

โควัลเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนมัธยมกลาง (Central High School) ซึ่งโควัลนิยมแนวความคิดแบบคอมมิวนิสต์มาตั้งแต่สมัยเรียน

1929 จบชั้นมัธยม ตอนอายุ 15 ปี ในขณะเดียวกันช่วงเวลานี้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ (The Great Depression) ทำให้ครอบครัวของเขาตัดสินใจย้ายออกจากเมืองซิอ๊อก และพ่อของเขาได้งานใหม่ที่องค์กร ICOR (Organization for theJewish Colonization in the Soviet Union) ซึ่งเป็นองค์กรที่ช่วยอพยพคนเชื้อสายยิวในสหภาพโซเวียตออกมาตั้งรกรากใหม่ในปาเลสไตน์  ซึ่ง ICOR นี้ก่อตั้งโดยชาวอเมริกันเชื้อสายยิวที่มีแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์

1932 ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่ในเมืองบิโรบิดซาน (Birobidzhan) ในสหภาพโซเวียต ใกล้กลับพรหมแดนแมนจูเรียของจีน และพ่อก็เข้าทำงานในแปลงเกษตรนารวม

1934 โควัลเข้าเรียนที่สถาบันเมนเดเลเยฟ (Mendeleev Institute of Chemical Technology) ซึ่งระหว่างเรียนเขาได้พบรักกับลุดมิล่า (Lyudmila Ivanova) และแต่งงานกันในที่สุด

1939 โควัลจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมในสาขาเคี และได้รับสถานะพลเมืองของสหภาพโซเวียต

หลังจากเรียนจบเขาได้เกณฑ์ทหาร ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลานี้ที่เขาได้เข้าทำงานกับ GRU หน่วยข่าวกรองของกองทัพแดง 

1940 โควัลกลับมายังสหรัฐฯ และไปอยู่ในซานฟรานซิสโก โดยใช้ชื่อรหัสสายลับว่า Delmar ก่อนจะเดินทางต่อไปยังนิวยอร์กซิตี้ และสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University)  และแฝงตัวเข้าทำงานในบริษัทเรเว่น (Raven Electric Company) ซึ่งเป็นบริษัทซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกซ์ให้กับหลายบริษัท รวมถึง GE (General Electric) โดยระหว่างทำงานอยู่ที่นี้ โควัลได้ขโมยความลับเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธเคมี 

ต่อมาเมื่อสงครามโลก ครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น สหรัฐฯ ก็ได้เรียกเกณฑ์ทหาร  และโควัลก็ถูกขึ้นทะเบียนเป็นทหารในเดือนมกราคม 1941 แต่ว่าบริษัทเรเว่นได้ขอตัวโควัลเอาไว้ทำงานชั่วคราวจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1942

1942 หลังจากครบกำหนด โควัลก็เข้าเป็นทหารในกองทัพสหรัฐฯ​ โดยถูกส่งไปฝึกที่ค่ายฟอร์ตดิกซ์ (Fort Dix) ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และต่อมาถูกส่งตัวไปยังรัฐเซาท์แคโรไลน่า โดยได้ติดยศเป็นจ่าและทำงานในหน่วยฝึกพิเศษ 3410

1943 สิงหาคม ย้ายมาอยู่ในที่สถาบันฝึกกำลังฝึกรบพิเศษ (Army Specialized Training Program) ซึ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ เพื่อให้การฝึกสอนและฝึกกลยุทธ์ต่างๆ ให้กับทหาร เพื่อให้ทันกับความต้องการของกองทัพในช่วงสงคราม

ระหว่างนี้โควัลก็สมัครเข้าเรียนด้านวิศวกรรมไฟฟ้าที่ซิตี้คอลเลจ (City College Of New York, CCNY)

1944 สิงหาคม, เข้ามาอยู่ในหน่วยวิศกรพิเศษของกองทัพ (Arme’s Special Engineer Detachment)

เดือนต่อมาเขาถูกส่งมาทำงานที่ Oak Ridge ในรัฐเทนเนซซี่ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยอาวุธนิวเคลียร์แห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เวลานั้น ทำให้โควัลเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ และเขาก็แอบส่งข้อมูลกลับไปยังสหภาพโซเวียตผ่านสายลับที่รู้จักกันแต่ในชื่อรหัสว่า Farraday

1945 มิถุนายน, เขาถูกย้ายมาทำงานที่ห้องปฏิบัติการณ์ลับในเดย์ตั้น, รัฐโอไฮโอ (Dayton, Ohio) ซึ่งเป็นหัองปฏิบัติการณ์ลับที่วิจัยเกี่ยวกับโพโลเนียม (polonium) ซึ่งขณะนั้นกำลังพัฒนาตัวจุดระเบิดจากโพโลเนียม ซึ่งโควัลส่งข้อมูลลับนี้ผ่านสายลับที่มีชื่อรหัสว่า Clyde 

16 กรกฏาคม,​ สหรัฐฯ ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกในนิวเม็กซิโก้

1946 หลังสงครามโลก โควัลได้รับรางวัลเหรียญเกียรติยศจากกองทัพและเขาได้กลับออกจากกองทัพและกลับไปอยู่ในนิวยอร์ค และกลับเข้าเรียนที่ CCNY 

1948 1 กุมภาพันธ์, สำเร็จการศึกษาในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จาก CCNY ด้วยระดับเกียรตินิยม

ต่อมาเขาก็ได้ออกเดินทางมายังยุโรปและไม่เคยกลับไปสหรัฐฯ อีกเลย

เมื่อกลับมาอยู่ในสหภาพโซเวียต เขาได้งานเป็นอาจารย์ที่สถาบันเมเดเลเอฟ

2006 31 มกราคม, เสียชีวิตในมอสโคว์

2007 ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) แห่งรัสเซีย มอบเหรียญ Hero of the Russian Federation ให้กับโควัล เป็นการย้อนหลังในฐานะที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของสหภาพโซเวียตรวดเร็วขึ้น การได้รับรางวัลนี้ ทำให้ชาติตะวันตกได้รับรู้ว่าเขาทำงานเป็นสายลับ

Don`t copy text!