Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Apple of Youth and Water of Life

ณ. ราชอาณาจักรแห่งหนึ่ง ณ. ดินแดนแห่งหนึ่ง มีซาร์อยู่พระองค์หนึ่ง ทรงมีโอรสอยู่สามพระองค์ โอรสพระองค์โตถูกเรียกพระนาม โอรสพระองค์กลางถูกเรียกพระนาม และโอรสองค์เล็กถูกเรียกขานพระนาม

พระเจ้าซาร์ผู้นี้ ทรงมีพระชนษ์สูงวัยแล้ว และสายพระเนตรของพระองค์ก็ไม่ค่อยดี ทว่าตั้งแต่อดีตพระองค์ทรงเคยได้ยินตำนานที่เล่าผ่านกันมาว่า ซึ่งปลูกแอปเปิ้ลที่สามารถทำให้ผู้ทานมันเข้าไปกลับคืนสู่วัยหนุ่มได้ นอกจากนั้นสวนแห่งนี้ยังมีบ่อน้ำแห่งชีวิต หากว่าผู้ใดใช้น้ำแห่งชีวิตนี้ล้างตา สายตาที่ฝ้าฟางก็จะกลับมาเป็นปกติ

ซาร์ได้เรียกโอรสทั้งหมดของพระองค์เข้าพบ

“เอาหล่ะ ใครในพวกเจ้าที่เป็นผู้กล้า , ใครที่จะถูกเลือก , ใครที่อาสา , ใครที่กล้าหาญจะควบม้าไปไกล สามถึงเก้าดินแดน , สู่อาณาจักรอีกสามหรือสิบแห่ง , ใครที่จะนำเอาแอปเปิ้ลแห่งวัยเยาว์และเหยียกซึ่งใส่น้ำแห่งชีวิตจนเต็มกลับมาให้ข้า … ข้าจะแบ่งอาณาจักรของข้านี้ครึ่งหนึ่งให้กับชายที่ทำสิ่งนั้นได้”

ชายหนุ่มที่แก่ที่สุด กลับหลบไปด้านหลังชายที่อ่อนกว่า , และชายที่อ่อนเยาว์กว่าหลบไปอยู่ด้านหลังชายที่เด็กที่สุด , ชายที่เด็กที่สุด ก็หุบปากเงียบกริบ

เจ้าชายฟีดอร์ (Prince Fedor) ก้าวออกมาข้างหน้า และกล่าวว่า

“ข้าไม่ปรารถนาที่จะมอบดินแดนของเราให้กับคนอื่น ข้าจะอาสาไปนำแอปเปิ้ลและน้ำแห่งชีวิตนั้นกลับมาให้ท่านเอง” เจ้าชายฟิดอร์เดินไปที่คอกม้า และเลือกเอาม้าตัวหนึ่ง เอาอานใส่ที่หลังมันโดยเลือกเอาบังเหียนเส้นใหม่ และรองเท้าที่มีเชือกถึงสิบสองเส้น ไม่ใช่เพื่อความสวยงามแต่ว่าเพื่อความแข็งแรง จากนั้นก็ทรงออกเดินทาง

เจ้าชายเดินทางมาไกล ! ใกล้ ! เจ้าชายกำลังเดินทางขึ้น ! หรือว่าลง ! เขาเดินทางตลอกรุ่งสร้างจนอาทิต์อัสดง จนกระทั้งเจ้าชายมาถึงทางแยกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีถนนสามเส้น ณ.แยกแห่งนี้มีป้ายเขียนสลักเอาไว้ว่า

“ผู้ใดก็ตามที่เลือกไปทางด้านขวา มันผู้นั้นจะปลอดภัยแต่ต้องเสียม้าไป , ผู้ใดก็ตามที่เลือกไปทางด้านซ้าย ม้าของเขาจะปลอกภัย แต่มันผู้นั้นจะเสียชีวิต , และ ผู้ใดก็ตามที่เดินทางตรงไป เขาจะพบกับเนื้อคู่”

เจ้าชายฟิดอร์ ทรงคิดในพระทัย “เราจะเลือกทางที่พาเราไปพบภรรยาของเรา” จากนั้นก็ทรงควบม้ามุ่งตรงไปข้างหน้า จนกระทั้งทรงมาถึงยังปราสาทสูงใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งหลังคาประดับด้วยทองคำ มีสาวใช้คนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับพระองค์

“เจ้าชายเพคะ ข้าจะช่วยพระองค์ลงมาจากหลังม้า โปรดมากับหม่อมฉัน ฉันจะรับใช้พระองค์เอง” “ขอบคุณมาก แต่ข้าขอปฏิเสธ ฉันไม่ต้องการอาหารหรือว่าต้องการจะนอนหลับ เพราะนั้นไม่ได้ช่วยให้ถนนมันสั้นลงได้ ฉันปรารถนาจะเดินทางต่อไป”

“เจ้าชายเพคะ อยากทรงตรากตรำพระวรกายโดยการขี่ม้าต่อไปเลย โปรดให้รางวัลแด่พระวรกายเถอะเพคะ”

จากนั้นสาวใช้จึงช่วยให้พระองค์ลงจากหลังม้าและนำทางเข้าไปยังปราสาท สาวใช้ป้อนอาหารให้เจ้าชาย พร้อมทั้งน้ำเสวย จากนั้นก็นำพระองค์ไปบรรทม พอพระองค์ลงประทับบนเตียงเท่านั้นฟิดอร์ก็ตกลงไปในกับดัก เตียงและผนังผลิกกลับ และฟิดอร์ก็ตกลงไปในหลุม ลึกลงไปและสิ้นสุดในห้องขัง

เวลาผ่านไป ซาร์ทรงเรียกเจ้าชายที่เหลือและชายฉกรรณ์เข้าพบ

“เอาหล่ะ ใครในพวกเจ้าที่เป็นผู้กล้า , ใครที่จะถูกเลือก , ใครที่อาสา , ใครที่กล้าหาญจะควบม้าไปไกล สามถึงเก้าดินแดน , สู่อาณาจักรอีกสามหรือสิบแห่ง , ใครที่จะนำเอาแอปเปิ้ลแห่งวัยเยาว์และเหยียกซึ่งใส่น้ำแห่งชีวิตจนเต็มกลับมาให้ข้า … ข้าจะแบ่งอาณาจักรของข้านี้ครึ่งหนึ่งให้กับชายที่ทำสิ่งนั้นได้”

แต่ชายหนุ่มที่แก่ที่สุด กลับหลบไปด้านหลังชายที่อ่อนกว่า , และชายที่อ่อนเยาว์กว่าหลบไปอยู่ด้านหลังชายที่เด็กที่สุด , ชายที่เด็กที่สุด ก็หุบปากเงียบกริบ

คราวนี้เจ้าชายวาสิลี (Prince Vasilii) กล่าวออกมาก และพูดว่า “ข้าไม่ปรารถนาที่จะมอบดินแดนของเราให้กับคนอื่น ข้าจะอาสาไปนำแอปเปิ้ลและน้ำแห่งชีวิตนั้นกลับมาให้ท่านเอง” เจ้าชายวาสิลี เดินไปยังคอกม้า และเลือกม้าที่มีลำตัวสีเขียวเข้ม เลือกเอาอานและบังเหียนอันใหม่ กับรองเท้าที่มีสายเชือกสิบสองเส้น และอีกครั้งหนึ่งที่ต้องเน้นว่า เพื่อความปลอดภัย ไม่ใช่เพื่อให้ดูดี

จากนั้นเจ้าชายวาสิลีเริ่มต้นออกเดินทาง มีคนเห็นว่าทรงผ่านเนินไป หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าทรงไปทางไหน

เจ้าชายเดินทางมาไกล ! ใกล้ ! เจ้าชายกำลังเดินทางขึ้น ! หรือว่าลง ! เขาเดินทางตลอกรุ่งสร้างจนอาทิต์อัสดง จนกระทั้งมาถึงทางแยกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีป้ายเขียนสลักเอาไว้ว่า

“ผู้ใดก็ตามที่เลือกไปทางด้านขวา มันผู้นั้นจะปลอดภัยแต่ต้องเสียม้าไป , ผู้ใดก็ตามที่เลือกไปทางด้านซ้าย ม้าของเขาจะปลอกภัย แต่มันผู้นั้นจะเสียชีวิต , และ ผู้ใดก็ตามที่เดินทางตรงไป เขาจะพบกับเนื้อคู่”

วาสิลี พูดกับตัวเองว่า “ข้าขอเลือกทางที่จะพาข้าไปพบเนื้อคู่” จากนั้นก็ทรงควบม้าต่อไปจนกระทั้งพบปราสาทที่สวยงาม ซึ่งหลังคาทำมากจากทองคำ มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับพระองค์ “โอ้ เจ้าชาย , ข้าจะช่วยพระองค์ลงจากม้า … มากับข้าเทิด ข้าจะดูแลท่านเอง”

“ไม่ได้หรอก นางสาวใช้ผู้มีน้ำใจ … ข้าไม่อาจจะแวะทานอาหาร หรือว่าพักผ่อนได้ นั้นไม่ได้ทำให้ถนนตัดสั้นลง ข้าจะต้องควบม้าต่อไปเท่านั้น”

“โอ้ เจ้าชาย , โปรดอย่างทรงทรมานด้วยการขี่ม้าเลย , โปรดให้รางวัลกับชีวิตของพระองค์เองเสียบ้างเถอะ”

จากนั้นหญิงสาวก็ช่วยเจ้าชายให้ลงจากหลังมากและพาเจ้าชายเข้าไปในปราสาท เธอส่งเครื่องเสวยให้พระองค์ พร้อมด้วยกระยาหาร จากนั้นจึงนำเจ้าชายไปยังห้องบรรทม เพียงแค่วาสิลีเอนตัวลงเตียง กลับกลายเป็นผนังและกำแพงพลิกสลับกัน เจ้าชายตกลงไปด้านล่าง ซึ่งกลายเป็นคุกขังพระองค์ไว้ ทันใดนั้นก็มีเสียง ทักขึ้น “ใครตกลงมา?”

“เจ้าชายวาสิลี … แล้วนั้นใครที่ตกลงมากัน?”

“เจ้าชายฟีดอร์” “อ้าว น้องพี่ , พวกเราต่างตกมาหรือนี่”

เวลาผ่านไป นานหรือไม่ ไม่รู้ , แต่พระเจ้าซาร์ได้เรียกให้มีการชุมนุมกันเป็นครั้งที่สาม โดยเรียกให้องค์ชายและชายฉกรรน์ที่มีเข้าเผ้า จากนั้นทรงตรัสถาม

“เอาหล่ะ ใครในพวกเจ้าที่เป็นผู้กล้า , ใครที่จะถูกเลือก , ใครที่อาสา , ใครที่กล้าหาญจะควบม้าไปไกล สามถึงเก้าดินแดน , สู่อาณาจักรอีกสามหรือสิบแห่ง , ใครที่จะนำเอาแอปเปิ้ลแห่งวัยเยาว์และเหยียกซึ่งใส่น้ำแห่งชีวิตจนเต็มกลับมาให้ข้า … ข้าจะแบ่งอาณาจักรของข้านี้ครึ่งหนึ่งให้กับชายที่ทำสิ่งนั้นได้”

แต่ชายหนุ่มที่แก่ที่สุด กลับหลบไปด้านหลังชายที่อ่อนกว่า , และชายที่อ่อนเยาว์กว่าหลบไปอยู่ด้านหลังชายที่เด็กที่สุด , ชายที่เด็กที่สุด ก็หุบปากเงียบกริบ

เจ้าชายอีวาน (Prince Ivan) ก้าวออกมา และพูดว่า

“บิดา , ขอให้ข้าได้รับภาระนี้เอง ข้าจะนำเอาผลแอปเปิ้ลแห่งเยาวัยและน้ำแห่งชีวิต อีกทั้งพี่น้องของข้ากลับมา”

ซาร์อวยชัยให้กับโอรส , จากนั้นอีวานมุ่งหน้าไปที่คอกม้า มองหาม้าตัวที่ขนาดเหมาะกับตน แต่ว่าม้าที่พระองค์มองแต่ละตัวกลับมีท่าทีหวาดกลับ และเมื่อพระองค์จะจับตัวใด ม้ามันก็หมอบลงเสียก่อน อีวานไม่สามารถหาม้าที่เหมาะกับพระองค์ได้ พระองค์จึงมีอาการโศกเศร้า ทันใดนั้นก็มีหญิงแก่เดินมาหาพระองค์ และถามว่า

“อรุณสวัสดิ์ หนูน้อย เจ้าชายอีวาน ทำไมเจ้าถึงดูโศกเศร้านักหล่ะ? ”

“ข้าจะไม่เสียใจได้อย่างไร, ข้าไม่สามารถมองหาม้าที่เหมาะสำหรับใช้เดินทางได้”

“ถามข้าสิ ข้าจะบอกให้ว่าข้ามีม้าที่ดีเหมาะกับเจ้าพอดีอยู่ในกรง มันถูกผูกไว้ด้วยโซ๋เหล็ก ถ้าเจ้าได้เห็นมันเจ้าจะรู้แน่ว่ามันเป็นม้าดี”

จากนั้นเจ้าชายอีวานจึงตามหญิงแก่ไปที่คอกม้า เมื่อเปิดประตูเข้าไป เจ้าชายก็ส่งรีบวิ่งไปยังม้าตัวนั้นทันที ในขณะที่เจ้ามาก็ยกข้าหน้าขึ้นวางบนบ่าของอีวาน โดยที่อีวานไม่ได้มีอาการกลัวเลย จากนั้นเขาก็เอาโซ่เหล็กออกจากมัน และนำมันออกมาจากคอก อีวานเลือกเอาอานมาใหม่ รองเท้าที่มีเชือกถึงสิบสองเส้น และแน่นอน เขาไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามแต่เพื่อความปลอดภัย

อีวานเดินทางมาถีงยังทางแยกที่มีหินสลักข้อความเอาไว้ แล้วก็ทรงพิจารณาว่า

“ถ้าข้าไปทางขวา ข้าจะต้องเสียม้าของข้า , แล้วข้าจะเป็นอย่างไรถ้าข้าไม่มีม้า ? ถ้าข้ามุ่งตรงไป ข้าจะได้แต่งงาน , แต่ข้าไม่ได้มาเพื่อแต่งงานนิน่า ? แต่ถ้าข้าไปทางซ้าย ข้าจะรักษาชีวิตม้าข้าไว้ได้ โอ่ นั้นแหละทางที่ดีที่สุดของข้า ”

และอีวานก็มุ่งไปยังถนนที่เขาสามารถรักษาชีวิตพาหนะของพระองค์ได้ แม้ว่าจะต้องเสียสละชีวิตพระองค์เอง อีวานเดินทางขึ้นเขาลงด้วย โดยเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้จนมาถึง กระท่อมเล็กๆ ที่สร้างด้วยท่อนซุงแบบรัสเซียเรียกว่า อิซบา (izba) ที่มีเพียงหน้าต่างเดียว

อิซบาหลังน้อยหันด้านหลังให้กับป่าและหันหน้ามาที่เจ้าชาย , อีวานเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น หญิงเจ้าของอิซบา เดินออกมาจากบ้านโดยพร่ำบ่นว่า

“เจ้าพี่สาวของข้าคงมาเยี่ยม”

แต่เมื่อเดินมาที่หน้้าบ้าน หญิงแม่มดพูดกับอีวานว่า

“ข้าไม่ได้พูดอะไรมาเสียงนาน ไม่ค่อยจะมีใครผ่านมาที่นี่นานแล้ว ตอนนี้มีชายคนหนึ่งมาหาข้า … เจ้าต้องการสิ่งใดกัน หรือว่าจะวิ่งหนีจากไปเสียอย่างนั้น?”

“ได้อย่างไรเล่า แต่ในเมื่อท่านตั้งคำถามข้าเสียก่อนที่จะกล่าวทักทายกันเสียอย่างนี้ ทำไมท่านไม่ช่วยหาอาหารมาให้ข้าดื่มกินสักเล็กน้อย และที่สำหรับหลับนอนด้วยเล่า … ข้าจะได้ตอบท่านมาข้าเดินทางมาทำอะไรอย่างไร”

แม่มดแก่จึงได้ทำตามคำขอของเขาตามนั้น มอบอาหารและน้ำแก่อีวาน จากนั้นก็พาเขาไปยังห้องนอน นั่งลงที่ข้างๆ เขา และ ถาม

“เอาหล่ะ บอกข้ามาเสียทีว่าเจ้ามาจากไหน เจ้ารูปงาม และกล้าหาญ ? มาจะไหนกัน ใครเป็นพ่อแม่ของเจ้า”

“ท่านย่า ข้าเดินทางมาไกลจากอาณาจักรแห่งหนึ่ง จากดินแดนแห่งหนึ่ง ข้าคือเจ้าชายอีวาน โอรสแห่งซาร์ ข้าเดินทางมาไกลสามถึงเก้าดินแดน ผ่านสามถึงสิบอาณาจักร เพียงเพื่อต้องการเด็ดผลแอปเปิ้ลแต่เยาว์และน้ำแห่งชีวิตจากนักรบที่กล้าหาญ ซิงกลาซก้า (Sineglazka)”

“เด็กน้อย เจ้าช่างไม่รู้ว่าเจ้าจะต้องเผชิญกับอะไร หนทางข้างหน้าลำบากนัก และไม่เคยมีผู้ใดรบชนะ ซิงกลาซก้าได้”

“ท่านย่า ท่านช่วยก้มศรีษะมาแนบที่ไหล่ของข้า แล้วแนะนำข้าหน่อยได้ ข้าควรทำอย่างไร”

“โอ้ลูกรัก หนุ่มเช่นเจ้าหลายคนที่ผ่านมาทางนี้ ไม่มีใช้สุภาพเท่าเจ้า … ใช้ม้าของข้าสิ ม้าของข้าวิ่งได้รวดเร็ว มันจะนำเจ้าไปหาพี่สาวของข้า เขาจะบอกเจ้าได้ว่าต้องทำอย่างไร”

ในตอนเช้าเจ้าชายอีวานจึงใช้ม้าของแม่มดออกเดินทาง เขาขอบใจในน้ำใจของนาง และเดินทางจากไปอย่างรวดเร็ว

“หยุดก่อนเจ้าม้า ข้าลืมถุงมือไว้”

ม้าหัันมาพูดกัอีวานว่า “เจ้าบอกข้าทำไม ตอนที่ข้าวิ่งออกมาแล้ว”

อีวานใช้เวลาเดินทางอีกทั้งวันจนกระทั้งพลบค่ำเขาถึงได้มาเจออิชบาหลังเล็กอีกหลังหนึ่ง มันถูกยกให้สูงขึ้นจากพื้นด้วยเสาขนาดเล็ก และมีหน้าต่างเพียงบานเดียว

“อิชบา อิชบาหลังน้อย เจ้าหันหลังให้ป่า และหน้าของเจ้าหันมาที่ข้า , ข้าจะเข้าไป , แล้วข้าจะกลับออกมา”

แม่มดอีกคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น เธอจำได้ในทันที่ว่านั้นเป็นม้าของน้้องสาวเธอ แต่ว่าคนขี่กลับเป็นคนแปลกหน้า รูปงาม เจ้าชายอีวานกล่าวทักทายกับหญิงชราด้วยความสุภาพ และกล่าวขอความเมตตาจากเธอ แม่มดจึงต้องพาอีวานเข้าไปพักผ่อน พร้อมหาอาหารให้

… ช่างไม่แตกต่างกันเลย ใครก็ตามที่เดินลงมาจากหลังม้า หรือว่าใช้เท้า ไม่ว่าจะรวยหรือจน ก็เหมือนกัน

แม่มดพาเจ้าม้าไปเก็บที่คอก จากนั้นก็ถามอีวานว่า “เอาหละ บอกข้ามาเสียเจ้าหนุ่มหล่อ เจ้ามาจากไหน ? กล้าหาญหรือป่าว? มาจากดินแดนใด และพ่อแม่ของเจ้าเป็นใคร”

“ท่านย่า, ข้าเดินทางมาจากอาณาจักรแห่งหนึ่ง มาจากดินแดนแห่งหนึ่ง ข้าคือเจ้าชายอีวาน โอรสแห่งซาร์ … ข้าได้พบกับน้องสาวของท่าน เธอส่งให้ข้ามาพบกับท่าน ข้าเดินทางผ่านมาสามถึงเก้าดินแดน สามถึงสิบอาณาจักร ข้าปรารถนาที่จะได้แอปเปิ้ลแห่งวัยเยาว์และน้ำแห่งชีวิต จากนักรบผู้กล้้า ซิงกลาซก้า”

“เด็กน้อย ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะสามารถได้มาซึ่งสิ่งที่เจ้าต้องการหรือไม่ หนทางลำบากนักและก็ยากที่จะกำหราบซายกลาสก้า”

“โอ้ ท่านย่า, ท่านช่วยโน้มศรีษะของท่านมาที่ไหล่ของข้า และบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าข้าควรทำอย่างไร”

“เด็กหนุ่มหลายคนที่ผ่านมา , น้อยนักที่จะหาสุภาพเช่นเจ้า เอาหล่ะ ข้าจะบอกเจ้าให้ว่า ซิงกลาซก้าที่เกรียงไกรนั้น แท้จริงแล้วเป็นหลานสาวของข้าเอง เธอมีอำนาจมากทั้งยังเป็นนักรบที่กล้าหาญ อาณาจักรของเธอล้อมรอบไปด้วยกำแพงที่สูงและหนา มีนาฬิกาเรือนหนึ่งติดอยู่ที่ประตู ยามไม่มีทางให้เจ้าเดินผ่านเข้าไปแน่ๆ เจ้าจะต้องออกเดินทางตอนเวลาเที่ยงคืนนี้ โดยใช้ม้าของข้า ถ้าเจ้าไปถึงกำแพงเมืองนั้นแล้ว ให้เจ้าใช้แส้วิเศษเฆี่ยนที่ม้า แล้วเจ้าม้านั้นจะพาเจ้ากระโดดข้ามกำแพง จากนั้นจงผูกม้าไว้แล้วเข้าไปในสวน เจ้าจะเห็นต้นแอปเปิ้ลเยาว์วัย และบ่อนน้ ำใต้ต้นแอปเปิ้ล จงเด็ดผลแอปเปิ้ลนั้นมา อย่าให้มากเกินกว่าหนึ่งลูก และจงเติมเหยือกน้ำของเจ้าด้วยน้ำจากบ่อนั้น ตอนนั้นซายกลาสก้า ผู้ยิ่งใหญ่ยังหลับอยู่ อย่าได้เดินเข้าไปที่ห้องนอนของเธอเด็ดขาด จงกลับมาที่ม้าแล้วใช้แส้วิเศษเฆี่ยนมันอีกหน มันจะกระโดดข้ามกลับมา”

อีวานจึงไม่ได้นอนพักผ่อนในบ้านของหญิงแม่มดคนนี้ เขารีบไปที่ม้าของนางและเดินทางออกไปในความมืด เจ้าม้าตีฝีเท้าข้ามก้อนหินและพุ่งหญ้า กระโดดข้ามทั้งแม่น้ำและทะเลสาบ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ นานหรือไม่นาน เป็นทางขึ้นหรือทางลง แต่พอตอนเที่ยงคืน อีวานก็มาถึงยังตีนกำแพงของอาณาจักรแห่งหนึ่ง มันมีทหารยามอยู่สามสิบสามคนที่ประตู อีวานใช้เท้าของเขาเคาะที่เจ้าม้าให้เดินเข้าไปใกล้กำแพง จากนั้นก็ใช้แส้วิเศษเฆี่ยนที่ตัวของมัน เจ้าม้าโกรธและกระโดดข้ามกำแพงนั้นทันที เจ้าชายอีวานลงจากหลังม้าและเข้าไปที่ในอุทยาน เขามองเห็นต้นแอปเปิ้ลที่มีใบไม้เงินและผลทองคำ ใต้ต้นไม้นั้นมีบ่อน้ำอยู่ เจ้าชายอีวานเข้าไปเด็ดผลแอปเปิ้ลมาสามลูกและเติมเหยือกน้ำของเขาด้วยน้ำจากในบ่อ แต่ว่าเขาอยากจะเห็นพลังอำนาจที่ลือกันว่ายิ่งใหญ่ ของนักรบผู้กล้าหาญ ซายกลาสก้าผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยตาของเขาเอง องค์ชายเดินเข้าไปในปราสาท ซึ่งมองเห็นว่าทุกคนหลับกันหมดแล้ว ด้านขวามีอารักษ์หลับอยู่หกคน ส่วนด้านซ้ายมีอารักษ์หลับอยู่อีกหกคน ตรงกลางนั้นเองที่ซายกลาซก้านอนหลับอยู่บนเตียง เธอครางเป็นเสียงคล้ายภูเขาก้องกังวาล เจ้าชายอีวานไม่อาจอดใจเอาไว้ได้ เขาจูบเธอและเดินทางมา เขากระโดดขึ้นขี่ม้า

แต่ว่าเจ้าม้ากล่าวกับเขาว่า “เจ้าไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่เขาได้รับมา, เจ้าชายอีวาน, เจ้าบังอาจเข้าไปในปราสาท และจ้องมองนางซายกลาสก้า ตอนนี้เจ้าไม่อาจจะกระโดดข้ามกำแพงนี้ได้”

เจ้าชายใช้แส้เฆี่ยนที่เจ้ามา “เจ้าม้าแก่ เราไม่อาจเสียเวลาที่นี่ได้ทั้งคืนหรอก ไม่งั้นคงต้องเสียหัวกันหมด”

“เจ้าม้าโกรธ แล้วกระโดดข้ามกำแพง แต่คราวนี้รองเท้าของเจ้าชายติดที่ยอดกำแพง และเชือกที่กำแพงก็ถูกดึง กระดิ่งดังระงม”

ซายกลาสก้าตื่นขึ้นมาและรู้ว่าถูกบุกรุก “ตื่นๆ เจ้าพวกโง่ มีหัวขโมยเข้ามาขโมยสมบัติของเราแล้ว” เธอขี่ม้าศึกของเธอ ติดตามด้วยนักรบอีกสิบสองคน เร่งตามเจ้าชายอีวานไป เจ้าชายอีวานเร่งหนีอย่างเร็วจนแม้แต่ซายกลาสก้าก็ไม่อาจจะตามได้ทัน อีวานเดินทางมาอิซบาของแม่มดคนโต อีวานเปลี่ยนม้าอีกตัวหนึ่งทำให้สามารถเดินทางได้เร็วขึ้น

“ท่านย่า , เห็นชายหนุ่มขี่ม้าผ่านมาหรือไม่?"ซายกลาสก้าถามเมื่อเดินทางมาถึง

"ไม่เลย เด็กเอ๋ย … แต่ทำไมเจ้าไม่พักดืมนมวัวที่นี่เสียหน่อยหล่ะ”

ซายกลาสก้าไม่อาจจะปฏิเสธคำเชิญของย่าได้ ก็เลยนั่งดื่มนมแก้วหนึ่ง แล้วก็เดินทางออกตามเจ้าชายอีวานอีกครั้ง เจ้าชายอีวานเดินทางมาถึงบ้านของแม่มดคนแรก เปลี่ยนม้าและเร่งเดินทางออกไปทันที่ เมื่อซายกลาสก้าเดินทางมาถึงอิชบาของแม่มด ก็ถามเธอว่า

“ท่านย่า , ท่าเห็นสัตว์ผ่านมาท่างนี้หรือไม่ , มีชายหนุ่มขี้มันมาหรือหรือ?”

“ไม่ หลานข้า , ทำไมเจ้าไม่ลงมาทานอะไรเสียหน่อยหล่ะก่อนที่จะเดินทาง”

“มันจะทำให้ข้าเสียเวลามาก ”

“ไม่หลานเอ๊ย เวลาครู่เดียวจะเป็นไร”

แม่มดเดินเข้าไปทอดแพนเค๊กจำนวนมากในครัว มันเสียเวลาไปพอสมควร ซายกลาสก้าทานมันแล้วก็ออกเดินทางต่อ ม้าของเธอควบไล่ทุงหญ้า ภูเขาและทะเลสาบ ไม่นานเธอก็สามารถไล่ทันอีวาน อีวานมองเห็นว่าเขาถูกไล่ตามด้วยทหารสิบสองนาย กับคนที่สิบสามคือซายกลาสก้า ถ้าเขาถูกจับได้คงจะต้องถูกสังหารแน่ ดังนั้นเขาจึงควบม้าช้าลง จนซายกลาสก้าไล่ตามมาทัน

“เจ้าหัวขโมย, ทำไมเจ้ามาดื่มน้ำในบ่อของข้า แล้วเจ้าไม่ปิดฝาบ่อซะ?”

เจ้าชายอีวานตอบว่า “มาขี่ม้าสามตัวแข่งกัน พิสูจน์ว่าเราสองคนใครเก่งกว่ากัน”

พวกเขาใช้ม้า ใช้ดาบ ใช้หอก สู้กันบนหลังมา โดยต้องรบกันสามครั้ง โลห์ของพวกเขาแก ดาบหลุดจากมือ หอกถูกขว้างออกไป ไม่นานพวกเขาก็ตกลงมาที่พื้น และสู้กันด้วยมือเปล่า พวกเขาสู้กันเช้าจนค่ำ จนพระอาทิตย์ลับตาไปแล้ว ขาของเจ้าชายอีวานเริ่มหมดแรง ซายกลาสก้าเดินเข้าไปที่เขาและชักมีดสั้นออกมาเพื่อจะแทงที่หัวใจของพระองค์

“อย่าฆ่าฉันเลย นงเยาว์ ซายกลาสก้า , ส่งมือที่ขาวนวลของเจ้าให้ข้าดีกว่า ดึงตัวข้าขึ้นสิ แล้วจงจูบที่ริมฝีปากหวานๆ ของข้า”

ทันใดนั้นซายกลาสก้าดึงอีวานขึ้น จุมพิสที่ริมฝีปากของเขา ทั้งคู่สุขสมกันในทุ่งกว้าง ไร้หลังคา บนทุ่งหญ้าสีเขียน พวกเขาใช้เวลาสามวันสามคืนอยู่ที่นั้น และต่างก็แลกแหวนซึ่งกันและกัน ซายกลาสก้า กล่าวกับเจ้าชายว่า

“ฉันจะต้องเดินทางกลับบ้าน และท่านก็ควรจะกลับเมืองของท่าน แต่ท่านห้ามย้อนกลับมาเด็ดขาด จงรอข้าอยู่ในอาณาจักรของท่านสามปี”

เจ้าชายเดินทางกลับมาถึงยังทางแยกที่เคยมีป้ายเขียนเอาไว้ แล้วก็นึกย้อนว่า “มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ข้าได้เดินทางกลับ แต่ว่าสูญเสียพี่ชายไปโดยไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”

เจ้าชายไม่ได้ทำตามคำบอกของซายกลาสก้า เขาควบม้าไปยังอีกเส้นทางหนึ่งที่ป้ายเขียนบอกว่าผู้ใดผ่านไปทางนี้จะได้พบเนื้อคู่ จนกระทั้งเขาเดินทางมาถึงปราสาทที่มีหลังคาเป็นทองคำ เขาก็พบว่าม้้าของพี่ชายของเขาอยู่ที่นี้ เข้าเดินเข้าไปในปราสาท เคาะแหวนเหล็กที่อยู่บนประตู ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งรีบเร่งเดินออกมา

“โอ้ เจ้าชายอีวาน นั้นเอง … ข้ารอท่านมานานมากแล้ว เข้ามา เข้ามา โปรดพักผ่อนที่นี้สักคืน”

เจ้าชายทรงรับอาหารจากหญิงสาวแต่ไม่ได้รับประทานมันมากนัก น้อยกว่าที่ถูกนำมาเสริฟบนโต๊ะ และไม่ได้ดื่มน้ำมากนัก น้อยกว่าที่ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นหญิงสาวพาเจ้าชายไปที่เตียง

“นอนเสียเถอะ เจ้าชาย นอนให้สบาย”

แต่ว่าเจ้าชายอีวานกลับผลักตัวหญิงสาวลงบนเตียง แล้วพลิกเตียงให้คว่ำลง หญิงสาวตกลงไปในห้องขังเบื้องล่าง เจ้าชายตะโกนถามว่ามีใครอยู่ด้านล่างบ้าง และเขาก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า

“เจ้าชายฟีดอร์ เจ้าชายวาสิลี”

อีวานจึงช่วยพี่ชายออกมาจากคุก หน้าตาของพวกเขาดำไปด้วยเถ้าถ่าน และมอสเต็มตัว อีวานนำน้ำแห่งชีวิตออกมาชำระล้างร่างของพี่ชาย ทำให้พวกเขากลับมาหมดจดดังเดิม สามพี่น้องเดินทางกลับมาจนถึงทางแยก เจ้าชายอีวานบอกกับพี่ของเขา

“พักเสียหน่อยเถอะ ให้ม้าให้อิ่มหนำ และข้าก็อยากจะนอนเสียหน่อย” ตอนอีวานหลับไป

เจ้าชายฟีดอร์พูดกับเจ้าชายวาสิลีว่า

“ถ้าพวกเรากลับไปโดยไม่มีผลแอปเปิ้ลแห่งเยาว์วัยและน้ำแห่งชีวิตแล้ว มันจะเป็นความละอายของพวกเรานะสิ ที่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้สำเร็จ”

เจ้าชายวาสิลี ตรัสตอบว่า “เอาเจ้าชายอีวานไปทิ้งลงในแม่น้ำลึกเสียดีกว่า แล้วเอาของเหล่านั้นมาไว้เองเพื่อส่งให้ท่านพ่อ”

จากนั้นเจ้าชายสองคนจึงหยิบเอาแอปเปิ้ลออกมาจากกระเป๋าของอีวาน และหยิบน้ำแห่งชีวิตไป

ร่างของอีวานถูกโยนลงไปในแม่น้ำลึก เขาจมลงไปในแม่น้ำถึงสามวันสามคืืนก่อนที่จะถึงก้นของมัน เจ้าชายถูกกระแสน้ำพัดไปจนกระทั้งถึงฝั่งทะเลแห่งหนึ่ง เขาไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่รอบตัว เพียงน้ำและท้องฟ้าเท่านั้น ใต้ต้นโอ๊คมีลูกนกกำลังร้องระงม เพราะน้ำทะเลพัดเข้ามากระแทกมัน เจ้าชายเดินไปหลบอยู่ใต้ต้นโอ๊ค พร้อมพาลูกนกตัวเหล็กเข้าไปหลบหลังต้นโอ๊ค แต่แล้วก็มีนกตัวใหญ่ เนเกีย (Nagai) บินเข้ามาที่ต้นโอ๊ค เพื่อดูลูกน้อยของมัน

“เจ้าหนูน้อยของข้า เจ้้ากลัวท้องฟ้าที่แปรปรวนนี้หรือ”

“อย่ากลัวไปเลย แผ่นดินรัสเซียของเราจะปกป้องเราเอง”

จากนั้้นเจ้านกเนเกีย หันไปถามเจ้าชายอีวานว่า “เจ้ามาที่นี้ได้อย่างไร ,เจ้หนุ่มน้อย”

“พี่ชายของข้าเอง จับข้าทิ้งลงมาในแม่น้ำเพียงเพราะต้องการแอปเปิ้ลแห่งวัยเยาว์และน้ำแห่งชีวิตของข้า”

“เจ้าช่วยดูแลลูกของข้า บอกข้ามาสิว่าต้องการอะไร ทองคำ เงิน หรือว่าอัญมณี”

“ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใด ท่านเนเกีย ไม่ต้องการทอง หรือเงิน … หรอว่าอัญมณีมีค่า ความปรารถนาของข้าคือได้คืนยังแผ่นดินอันเป็นเมืองนอน”

เนเกียบอกกับอีวานว่า ให้หาถังสองใบ แต่ละใบสามารถบรรจุอาหารสำหรับสิบสองคนกิน เจ้าชายจึงได้ล่าห่านแถวทะเล และใช้มันเป็นอาหารบรรจุไว้ในถังสองใบ เขาเอาถังไปแขวนไว้ที่ตัวของเนเกีย ด้านขวาและด้านซ้าย และขึ้นขี่บนหลังของมัน เนเกียให้อาหารลูกของมันก่อนที่จะออกบิน สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ระหว่างที่บิน อีวานเอาเนื้อในถังทั้งสองใบคอยป้อนให้กับเจ้านกเนเกีย และบางส่วนเจ้านกก็คืนให้อีวานก อีวานเอามีดในกระเป๋าออกมาสำหรับตัดชิ้นเนื้อที่ใหญ่เหนี่ยว และป้อนกลับให้เนเกียอีก ทั้งคู่บินมาไกลจนต้องลงพัก อีวานตัดเอาเนื้อในถังอีกใบที่ผูกอยู่อีกข้างของเนเกียออกมาสำหรับเป็นอาหารให้เธอ พวกเขาใช้เนื้อเกือบหมดตอนนี้ ก่อนออกบินอีก แต่ว่านกเนเกีย หันกลับมาขออาหารจากอีวานอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม เจ้าชายอีวานจึงต้องเฉือนเนือ้ที่หน้าอกให้เป็นอาหารแก่นกตัวใหญ่นี้ จนกระทั้งเจ้าชายอีวานมาถึงยังดินแดนของตนเอง

“เจ้าดูแลข้าเป็นอย่างดีเลย เจ้าชาย … แต่ว่าอาหารมื้อสุดท้ายจากเจ้าอร่อยที่สุด ไม่มีอะไรอะไรเท่านี้มาก่อน”

เจ้าชายเปิดแผลที่หน้าอกให้เจ้านกดู เจ้านกสำรอกเอาอาหารมือสุดท้ายของมันออกมา และพูดว่า “เอากลับไปวางที่เดิมของมันเสียเถอะ” เจ้าชายทำตาม และเจ้านกก็ขอตัวบินกลับไป

อีวานเดินมาถึงปราสาท แต่ก็เห็นว่าพี่ชายฟีดอร์และวาสิลี เอาแอปเปิ้ลแห่งเยาว์และน้ำแห่งชีวิต ให้กับซาร์แล้ว … อาการซาร์ดีขึ้นและสายตากลับเป็นปกติอีกครั้ง เจ้าชายอีวานไม่ได้เข้าไปหาบิดาหรือพระมารดา เขาเข้าไปเก็บเอาอาหารและของจำเป็นและออกเดินทางไปเรื่อยๆ

ในอาณาจักรที่ห่างไกล ซายกลาสก้า ได้ให้กำเนิดลูกชายสองคน พวกเขาเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เรื่องราวต่างๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และ สามปี ก็ผ่านไป

ซายกลาสก้า จัดเตรียมกองทัพ พร้อมด้วยลูกทั้งสองคน เพื่อที่จะไปหาเจ้าชายอีวานตามคำสัญญา นางเดินทางมาถึงอาณาจักรของเจ้าชายอีวาน เธอได้สร้างศาลาสีขาวไว้บนทุ่งหญ้าแสนกว้างใหญ่ของดินแดนนี้ ในท้องฟ้าที่เบิกกว้างและหญ้าเขียนชะอุ่ม จากนั้นก็ปูพรหมสีขาวไว้ด้วยผ้าสีสดใสที่ทางเดินเข้า เธอส่งสาสน์เข้าไปยังซาร์ซึ่งเป็นเจ้าของเมือง

“ถึง ซาร์ , ข้าได้ให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่าน ถ้าคุณไม่ยอมรับพวกเขา ข้าจะทำลายอาณาจักรของท่าน ข้าจะเผาอาณาจักรของท่าน ข้าจะนำตัวท่านเข้าคุก”

ซาร์ทรงสับสน งวยงง และได้ส่งโอรสองค์โตสุด เจ้าชายฟีดอร์ให้เดินตามพรหมไปยังศาลาสีขาว เด็กน้อยสองคน ร้องออกมาว่า “แม่ แม่ นี้พ่อของข้าหรือ?”

“ไม่ ลูกน้อย นี้เป็นลุงของเจ้า”

“เราจะต้องทำอย่างไรกับเขาหล่ะ ท่านแม่”

“ดูแลเขาตามเหมาะสมเถอะ ลูกข้า” เด็กน้อยทั้งสองจับเอาฟีดอร์มามัดไว้จนเขาไม่สามารถหลบหนีไปได้

จากนั้นซายกลาสก้า ได้ส่งจดหมายอีกฉบับไป “ยอมแพ้ ซะ , นี้ลูกของท่าน”

คราวนี้ซาร์ยิงฉงนใหญ่ ส่งเจ้าชายวาสิลิ ออกมาพบกับนาง

“แม่ แม่ นี่พ่อของพวกข้าหรือ”

“ไม่ลูกรัก นี่ลุงของเจ้า ดูแลเขาตามเห็นสมควรเถอะ” เด็กสองคนจับวาสิลีผูกไว้อีกเช่นกัน

ซายกลาสก้าส่งจดหมายอีกฉบับเป็นครั้งที่สาม

“ออกมาพบลูกของเจ้าซะ เจ้าชายอีวาน ถ้าเจ้าไม่ออกมาพบพวกเจ้า ข้าจะถล่มอาณาจักรของท่าน” ซาร์สงสัย และบอกให้เจ้าชายฟีดอร์และวาสิลี ออกตามหาอีวาน แต่ว่าเจ้าชายสองพระองค์กลับคุกเข่าและสารภาพว่าได้ฆ่าเจ้าชายอีวานโดยจับน้องชายโยนลงแม่น้ำ และยึดแอปเปิ้ลแห่งวัยเยาว์และน้ำแห่งชีวิตมาจากเขา ซาร์ได้ยินดังนั้น น้ำตาก้พลูออกมาด้วยความโศก เมื่อได้ทราบความจริง

เดียวกันก็ปรากฏว่าเจ้าชายอีวานได้ปรากฏตัวขึ้นเอง โดยตรงไปยังศาลาของซายกลาสก้า

“แม่ แม่ นี่ใช่พ่อของข้าหรือป่าว”

ซายกลาสก้าบอกกับลูกๆ “สัมผัสเขาด้วยแขนสีีขาวของเจ้า นำตัวเขาเข้ามา นั้นแหละพ่อของเจ้า เขาทรมานโดยไร้เหตุผลมานานถึงสามปี”

เด็กๆ จึงใช้แขนเล็กของต้นพาตัวอีวานเข้าไปในเต็นท์ ซายกลาสก้าชำระตัวให้เขาและสระผมให้ เอาเสื้อผ้าใหม่ๆ สวมให้สามี และพาเขาไปนอนที่เตียงอุ่น วันถัดมาทั้งคู่ก็เข้าไปยังปราสาทของซาร์ มีการเฉลิมฉลองกันยิ่งใหญ่ และพิธีอภิเษกสมรสก็ถูกจัดขึ้น

เจ้าชายวาสิลีและเจ้าชายฟีดอร์ถูกขับออกจากราชวังและใช้ชีวิตค่ำคืนตามท้องถนน คืนที่สองที่ท้องถนน และคืนที่สามที่ท้องถนน เจ้าชายอีวานไม่ได้ครองอาณาจักรต่อจากพระเจ้าซาร์ พวกเขากลับไปยังปราสาทของซายกลาสส่า และเรื่องราวต่างๆ ก็จบลง

Don`t copy text!