Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Snow Maiden

Снегурочка (Snow Maiden)

กาลครั้งหนึ่งมีช่างไม้คนหนึ่งอาศัยอยู่กับภรรยา ทั้งคู่มีอายุมากแล้วแต่ว่าไม่มีบุตรด้วยกัน สามีจะมีหน้าที่ไปตัดไม้ในป่าและนำมันไปขายในเมือง ซึ่งก็ช่วยให้พวกเขามีกินพอประทังชีพได้ แต่ว่าเมื่อพวกเขาอายุมากขึ้น การประกอบอาชีพนี้ก็ยากลำบากมากขึ้น

“พวกเราแก่ลงทุกวัน , แล้วยามแก่ใครจะดูแลเราหล่ะ” ภรรยามักจะบ่นอย่างนี้บ่อยๆ

“อย่ากังวลไม่เลย,แม่เอ๊ย พระเจ้าไม่ทอดทิ้งเราหรอก พระเจ้าจะต้องมาช่วยเราเมื่อถึงเวลา” สามีแก่ปลอบใจภรรยา

อยู่มาวันหนึ่ง ในฤดูหนาว สามีเดินเข้าไปในป่าเพื่อตัดเอาฟืน โดยที่ภรรยาติดตามเขามาด้วย อากาศหนาวมากจนทั้งคู่เกือบถูกแช่แข็ง

ชายแก่หันไปบอกกับภรรยาว่า “พวกเราไม่มีลูก , เราน่าจะสร้างปั้นหิมะให้มาเป็นลูกของเรานะ?”

จากนั้นทั้งคู่ก็ลงมือโกยเอาหิมะมากองไว้ด้วยกัน และใช้เวลาอยู่ไม่นานพวกเขาก็สามารถสร้าง “Snegurochka” สาวรับใช้จากหิมะ ซึ่งมีความสวยงามอย่างมาก แต่ว่าคู่สามีภรรยากลับมองดูเธอด้วยความเศร้า เพราะหิมะนั้นไม่ได้มีชีวติ

“พระเจ้า โปรดประทานลูกสาวน่ารักให้กับเราด้วยเถิด” หญิงแก่คร่ำครวญ

ในทันใดนั้นก็เกิดปราฏิหารย์ขึ้นมา ตุ๊กตาหิมะของพวกเขาเริ่มที่จะขยับ เธอกระพริบตา แล้วก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้น จนสุดท้ายแล้วตุ๊กตาหิมะก็มีชีวิตขึ้นมา

“สวัสดีค๊ะ อากาศดีนะคะ หนูจะมาเป็นลูกของพวกท่านเองคะ ขอหนูเรียกท่านว่า "พ่อ” และ “แม่” ได้ไหมคะ" ชเนกุโรชก้า พูดกับทั้งคู่

“โอ้ ลูกรัก” ชายแก่รีบตอบ, จากนั้นพวกเขาก็พาเอาลูกสาวที่สร้างขึ้นมาไปที่บ้าน ขณะที่พวกเขาเดินไป ต้นไม้รอบๆ ก็สะพัดกิ่ง ราวกับการกล่าวอำลา

สามีภรรยาชรา พาชเนกุโรชก้ากลับมายังที่บ้านของพวกเขาที่สร้างจากต้นไม้ ชเนกุโรชก้าจึงเริ่มใช้ชีวิตแบบมนุษย์ด้วยการช่วยชายหญิงชราทำงานบ้านทั่วไป เธอเป็นคนว่านอนสอนง่าย และไม่เคยที่จะขัดใจพวกเขา 

ชเนกุโรชก้า เป็นคนที่ไม่ช่างพูด ใบหน้าเธอเรียวสวยงาม แต่ราวกับว่าไม่มีเลือด ดวงตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว แค่เพียงเธอยิ้มบ้านก็สว่างราวกับจุดด้วยประทีป

แต่ว่าหลายเดือนผ่านไป หญิงชรารู้สึกกังวลใจในตัวลูกสาวจึงถามเธอว่า “ทำไมลูกถึงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่ยอมมีเพื่อนเลย เอาแต่หมกตัวอยู่กับพวกเราทั้งวัน ลูกควรจะหาเพื่อนไว้บ้าง ออกไปเล่น พวกเราแก่แล้วและลูกไม่ควรจะต้องมาดูแลตลอดเวลา”

“หนูไม่ต้องการออกไปที่ใดหรอก แม่ที่รัก” เธอตอบ “หนูมีความสุข”

จนกระทั้งวันเทศกาลประจำปีมาถึง ตามท้องถนนมีผู้คนเดินขวักไขว่ ร้องรำทำเพลงกันตั้งแต่เช้าจรดดึก ชเนกุโรชก้าได้แต่เฝ้ามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากหน้าต่างภายในบ้านซึ่งขอบหน้าต่างมีเกล็ดนำ้แข็งจับ …เธอ มอง… จนกระทั้งไม่อาจจะห้ามใจเอาไว้ได้ เธอจึงเดินไปหาแม่ของเธอ ขออนุญาตท่านออกไปเดินในงานเทศกาล

ในหมู่บ้านแห่งนี้ ยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งชื่อว่า คุปาว่า (Kupava) เธอเป็นหญิงที่สวยมาก มีเส้นผมสีดำดังปีกอินทรี ผิวมีเลือดฝาดและขาวดังน้ำนม

วันหนึ่งมีพ่อค้าร่ำรวยมากคนหนึ่งผ่านมายังในเมืองนี้ เขามีชื่อว่ามิซเจอ (Mizgir) เขายังเป็นหนุ่มและสูงสง่า เขาเห็นคุปาว่า และประทับใจในตัวเธอ แต่คุปาว่าไม่ใช่หญิงขี้อาย เธอออกจะหยิ่งและปฏิเสธคำเกี้ยวของพ่อค้าหนุ่ม

มิซเจอ เดินเข้าไปในเมือง เขาร้องเรียกหญิงสาวทุกคนให้ออกมารับถั่วและขนมปัง และออกไปเต้นรำกับคุปาว่า ไม่นานทั้งคู่ก็เป็นคนรักกัน คุปาว่าได้รับเลือกให้เป็นเทพีประจำงานเทศกาล โดยจะมีการเดินขบวนไปรอบๆ เทพีจะแต่งตัวด้วยชุดไหมและกำมะหยี่สวยงาม และทำหน้าที่เสริฟไวน์ให้กับหนุ่มๆในงาน

ส่วน ชเนกุโรชก้า วันหนึ่งเธอเข้ามาเดินเล่นในงานเทศกาล เธอได้พบเจอกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่าเลล (Lel) ทั้งคู่ชอบพอกัน และเมื่อใดที่ชเนกุโรชก้าออกมาเดินเล่น เลลจะคอยเดินตามและร้องเพลงให้เธอฟัง เลลยังไปหาชเนกุโรชก้าที่บ้าน โดยแอบเรียกเธอทางหน้าต่างให้ออกมาเดินเล่นในเทศกาลกันบ่อยๆ

อยู่มาวันหนึ่งระหว่างที่มิซเจอกำลังเต้นรำอยู่กับคุปาว่าในงานเทศกาล เขามองเห็นชเนกุโรชก้า เธอหันมายิ้มให้เขาด้วย และเธอช่างสวยและประทับใจเขาเหลือเกิน กุปาว่าสังเกตุเห็น ทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก และอาละวาดกับมิซเจอ … ทำให้มิซเจอและคุปาว่า ไม่ยอมพูดกันอยู่นาน

คุปาว่ารู้สึกหว้าเหว่ แต่เธอก็คิดว่าควรจะทำอย่างไรดี ความรักไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับขืนเอามาได้ 

ต่อมาเธอได้ยินข่าวว่ามิซเจอจะเดินทางเข้ามาในหมู่บ้านนี้ และจะแวะไปหาพ่อแม่ชราของชเนกุโรชก้าเพื่อขออนุญาตแต่งงาน

คุปาว่าเมื่อได้ยินข่าว หัวใจก็แตกสลาย เธอวิ่งไปที่บ้านของชเนกุโรชก้า ต่อว่าและประณามเธอ ทรยศในความเป็นเพื่อน และทำลายความรักคนอื่น

“ฉันจะไปหาพระเจ้าซาร์ ฉันจะไม่ยอมรับการทรยศนี้ มันไม่มีกฏหมายอนุญาตให้อมนุษย์แต่งงานกับคนได้” คุปาว่า กล่าวทั้งน้ำตา

จากนั้นคุปาว่าก็เดินทางไปหาซาร์ เพื่อให้ช่วยตัดสินในข้อหาที่ถูกพรากคนรักไป

พระเจ้าซาร์เบเรนดี (Tsar Berandei) เป็นผู้ครองอาณาจักร์ เขาเป็นซาร์ที่ใจดีและทรงยุติธรรม

เมื่อได้ฟังคำร้องทุกข์จากหญิงที่กำลังจะอกหัก ซาร์ก็ทรงรับสั่งว่าให้ชเนกุโรชก้าเดินทางมาเข้าเฝ้าด้วย ก่อนที่จะตัดสิน

ทรงออกคำสั่่งให้ชเนกุโรชก้า เดินทางมา มิเช่นนั้นพระองค์จะใช้กำลังบังคับ ซึ่งนั้นทำให้ช่างไม้ผู้ชราพ่อของชเนกุโรชก้ากลัวมาก พวกเขาเตรียมตัวให้ลูกสาวแต่งตัวให้เหมาะสมก่อนจะเข้าเฝ้า

ซาร์เบเรนดิ ทรงอาศัยอยู่ในราชวังที่งดงาม กำแพงทำจากไม้โอ๊ค มีประตูเหล็กที่แข็งแรง ทางขึ้นมีบันไดกว้าง ทำไปยังห้องโถงใหญ่ซึ่งปูด้วยพรหม ทหารอารักษ์ขาต่่างก็ถือขวานเงางาม และตรงกลางท้องพระโรงก็มีประชาชนจำนวนหนึ่งอยู่

เมื่อคู่สามีภรรยาแก่นำตัวลูกสาวมายังพระราชวัง พวกเขาก็ต่างตกตะลึงในความสวยงาม ทั้งผนังและเสาต่างก็ประดับไปด้วยภาพวาด กระเบื้องระคาแพง ทองคำ ขณะที่นักดนตรีก็บรรเลงเพลงคลอไป พระเจ้าซาร์ทรงนั่งอยู่บนบังลังค์แกะสลัก มีทหารอารักษ์โดยรอบ

ซาร์ทรงมีเคราสีขาวยาวมาถึงเข็มขัด ทรงสวมหมวกทรงสูง เสื้อคลุมประดับด้วยสายสะพายที่มีอัญมณีและทองคำ

ชเนกุโรชก้า มีอาการกลัว เธอไม่กล้าที่จะเงยหน้าสบตาพระราชา

ซาร์รับสั่งออกมาว่า “เข้ามานี้ สาวน้อย เข้ามาใกล้ๆ อย่าได้กลัวไปเลย … ตอบคำถามฉันมา , เจ้ายอมรับความผิดหรือไม่ว่าได้ทำให้คู่รักต้องแยกทางกัน เจ้าขโมยชายคนรักของคุปาว่าหรือไม่? เจ้ารักเขาหรือไม่ และต้องการแต่งงานกับเขาจริงหรือไม่ ? จงตอบมาด้วยสัตย์ ”

ชเนกุโรชก้า ทูลตอบไปอย่างสุภาพและจริงใจว่า มันไม่ใช่ความผิดของเธอ มันเป็นความจริงที่พ่อค้าหนุ่มมิซเจอขอเธอแต่งงาน แต่ว่าเธอไม่ได้ชอบเขาและได้ตอบปฏิเสธไป

ซาร์ทรงประคองชเนกุโรชก้าขึ้นมามองที่ดวงตา เขาไม่สังเกตุเห็นการโกหกในดวงตาเธอ และรับสั่งให้เธอกลับบ้านไป

เมื่อคุปาว่าได้ทราบคำตัดสิน เธอก็ยิ่งโมโห ปนความเสียใจ กระชากสร้อยไข่มุกที่คอเธอทิ้งไป และวิ่งกลับไปยังบ้านของเธอ กระโดดลงไปในบ่อฆ่าตัวตาย

ชเนกุโรชก้า เมื่อได้ทราบก็เสียใจมาก เธอไม่ยอมที่จะออกไปเดินเล่นบนท้องถนนอีกเลย แม้ว่าเลลจะมาชวนก็ตาม

ฤดูใบไม้ผลิมาถึง พระอาทิตย์ฟุ่งขึ้นสูง และสูงขึ้นไปในท้องฟ้า หิมะเริ่มละลาย และต้นหญ้าแตกใบอ่อน พุ่มไม้กลับเขียวขจี นกร้องเพลงและสร้างรังของพวกมัน แต่ชเนกุโรชก้ากลับทวีความเสียใจยิ่งขึ้น

เช้าวันหนึ่งที่อากาศดี เลล โผล่หน้ามาหาชเนกุโรชก้าที่หน้าต่าง ขอร้องให้เธอออกมากลับเขา เลลตื้อจนเธอต้องยอมออกมาจากบ้าน เขาพาเธอไปที่ประตูของหมู่บ้าน

“เลล , เลลของฉัน โปรดเล่นฟรุ๊ตของเธอให้ฉันฟังหน่อย” เธอขอร้องคนรักของเธอ เธฮเข้าไปยืนใกล้ๆ กับชายหนุ่ม ใบหน้าที่สวยงามของเธอยังดูไร้เลือด และชาด้วยความเศร้า

เมื่อเลลเริ่มเล่นฟรุ๊ต เพลงที่ชเนกุโรชก้าชอบ

กลับมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ และร่างของเธอก็เริ่มละลาย จนกระทั้งเธอกลายเป็นน้ำซึมหายไปในพื้นแผ่นดิน

เลลมองเห็นแสงสว่างเล็กๆ จากจุดที่ชเนกุโรชก้าหายไป มันลอยขึ้นเหมือนไอน้ำ สูงขึ้นไปในท้องฟ้าและหายไป….



 

Don`t copy text!