Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Sivka-Burka

Сивка-Бурка

 กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในรัสเซีย มีชาวนาแก่อยู่คนหนึ่ง เขามีลูกชายอยู่สามคน โดยลูกคนโตสองคนเป็นคนที่ฉลาดมาก ในขนาดที่ลูกชายคนเล็กกลับโง่เขลา ลูกคนเล็กมีชื่อว่าอิวานนุชก้า (Ivanuska) ครอบครัวนี้ประกอบอาชีพปลูกข้าวสาลี

อยู่มาวันหนึ่ง พวกเขารู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมาอย่างเข้ามาในไร่และทำลายข้าวสาลีของพวกเขาในตอนกลางคืน ชาวนาแก่จึงได้สั่งให้ลูกชายของเขาออกไปเฝ้าแปลงข้าวสาลี

ในคืนแรก ลูกชายคนโตออกไปอยู่ในแปลงปลูกข้าวสาลี แต่ว่าเขากลับฝอยหลับไประหว่างที่กำลังเข้าเวรอยู่ , ในคืนที่สอง ลูกชายคนกลางมีหน้าที่ออกไปเฝ้าแปลงข้าวบ้าง แต่ก็เผลอหลับไปเช่นกัน พวกเขากลับมาบอกกับบิดาว่าไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย

ในคืนที่สาม อิวานุชก้า ออกไปเฝ้าข้าวสาลีบ้าง … เวลาผ่านไปจนกระทั้งเที่ยงคืน อิวานุชก้า เห็นว่ามีม้าตัวหนึ่ง มันสวมอานทองคำและมีบังเหียนเป็นเงิน เจ้าม้าตัวนั้นเข้ามากัดกินต้นข้าวสาลีอย่างเอร็ดอร่อย อิวานุชก้าพยายามเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ เจ้าม้าตัวนั้นก่อนที่จะจับมันเอาไว้ได้ 

“ปล่อยฉันไปเถอะ” เจ้าม้าหันมาพูดกับอิวานุชก้า

“ถ้่าเจ้าปล่อยข้าไป  เราจะได้กลายเป็นเพื่อนกัน ข้าจะมีของตอบแทนให้กับเจ้า … เจ้าต้องเดินไปในทุ่งสาลี แล้วก็ตั้งจิตอธิษฐานจากนั้นก็ให้พูดออกมาว่า "สิฟก้า-เบอร์ก้า ,จงปรากฏขึ้น …. แล้วข้าก็จะมาหาเจ้า มาช่วยเจ้า”

อิวานุชก้า ตกลงปล่อยเจ้าม้าให้เป็นอิสระ 

จนกระทั้งวันหนึ่ง พระเจ้าซาร์ ซึ่งทรงไม่มีพระโอรส ได้ตัดสินใจที่จะจัดการแข็งขันเพื่อหาตัวแทนรัชทายาทที่จะมาสืบบังลังค์เป็นซาร์องค์ต่อไป  

ซาร์ได้นำพระธิดา ซึ่งทรงเป็นเจ้าหญิงที่สิริโฉม ไปไว้ยังหอคอยที่สูงมาก แล้วก็ประกาศว่า หากมีชายใดสามารถขึ้นไปช่วยเจ้าหญิงลงมาได้ พร้อมทั้งกระโดดลงบนหลังมาอย่างปล่อยภัย และนำแหวนจากนิ้วของเจ้าหญิงมาได้ก็จะได้เป็นผู้ชนะได้อภิเษกกับเจ้าหญิงและครองอาณาจักร์สืบไป พี่ชายทั้งสองของอิวานุชก้าได้สมัครเข้าร่วมการแข็งขันที่ท้าทายนี้ด้วย แต่ว่าอิวานุชก้าต้องอยู่เฝ้าบ้าน

เมื่อพ่ีชายออกจากบ้านไปแล้ว อิวานนุชก้าได้อิธิษฐาน และท่องคาถา “สิฟก้า-เบอร์ก้า” ทันใดนั้นเจ้ามาก็ปรากฏออกมาจากพื้นดินดังสายฟ้า อิวานุชก้าขี่ม้าของเขาไปทดสอบการแข่งขันด้วย เขาดูหล่อเหลาและสง่างามมาก เมื่อแต่งตัวเข้าร่วมการแข่งขั้นนี้  ม้าของเขากระโดดขึ้นไปยังหอคอย มันเกือบจะเอื้อมถึงเจ้าหญิงแล้ว และเมื่อกระโดดอีกครั้งก็เกือบจะคว้าแหวนไต้ แต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อกลับถึงบ้านอิวานุชก้าก็แปลงกลับมาเป็นชายมอซอคนเดิม … พี่ชายของเขากลับมาบ้าน ก็เล่าว่าผู้เข้าแข๋งขันต่างก็ล้มเหลว มีเพียงหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่เกือบทำได้สำเร็จ … อิวานนุชก้า หัวเราะชอบใจ

วันต่อมา การแข่งขันยังคงจัดให้มีอยู่ และอิวานุชก้า และเจ้าม้า ก็สามารถคว้าเอาแหวนมากจากเจ้าหญิงได้สำเร็จ พวกเขารีบวิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็ว โดยทีี่ผู้คนต่างๆก็สามารถจำใบหน้าเขาได้ เมื่อกลับถึงบ้างเขาได้กลับมาแต่งตัวเหมือนเดิม แต่ว่าที่แขนของเขาเอาผ้าพันแผลมาพันไว้  เมื่อพี่ชายของเขาเห็นว่าแขนน้องชายมีผ้าพันอยู่ เขาถามว่าเป็นอะไร อิวานุชก้าก็บอกว่า แค่แผลถลอก

ในวันที่สาม พระเจ้าซาร์เชิญผู้เข้าแข่งขันทุกคนมางานเลี้ยงรับรอง ชาวนาแก่ก็พาลูกชายสามคนมาด้วย งานเลี้่ยงเป็นไปอย่างสนุกสนาน จนกระทั้งใกล้สินสุดงาน เจ้าหญิงสังเกตุเห็นแผลที่แขนของอิวานุชก้าและเธอก็จำมันได้ เธอเอาผ้าพันแผลของเขาออก และทุกคนในงานก็ได้เห็นว่าเขาซ่อนแหวนของเจ้าหญิงไว้ในแขนด้านนั้นด้วย

เจ้าหญิงจึงทูลเสด็จพ่อว่านี้คือผู้ชนะการแข่งขัน ทั้งคู่จึงได้แต่งงานกัน อย่างมีความสุข

Don`t copy text!