Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Boris Zbarsky

บอริส ซบาร์สกี้ (Борич Ильич Збарский)

แพทย์ผู้ทำหน้าการมัมมี่ร่างของเลนิน

ซบาร์สกี้ เกิดเมื่อวันที่ 14 (26 N.S.) กรกฏาคม 1885 ในคาเมเน็ตส์-โปโดลส์ก (Kamenets-Podolsk) รัสเซีย ทางตะวันตกของยูเครนปัจจุบัน ครอบครัวของเขามีเชื้อสายยิว
ช่วงที่เรียนมัธยมปลายเขาเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับองค์กรใต้ดินที่เกี่ยวข้อกับการปฏิวัติ แต่หลังเรียนจบได้เดินทางไปสวิสเซอร์แลนด์เพื่อเรียนต่อ
1911 สำเร็จการศึกษาด้านฟิสิกและคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเจนิวา (University of Geneva) และไม่นานได้ทำงานในห้องวิจัยของ ดร.อเล็กซีส แบ้ช (Alexis Bach) 
1912 กลับมารัสเซียและเข้าเรียนต่อที่ ม. เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 
1914 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาทำงานในโรงงานที่ทำหน้าที่ผลิตฟอร์มาลีน (Formalin) สำหรับใช้ในกองทัพ 
1915  ห้องวิจัยที่เขาทำงานสามารถผลิตสารคลอโรฟอร์ม (Chloroform) ขึ้นครั้งแรกในรัสเซีย
1917  หลังการปฏิวัติ เขาทำงานให้กับศูนย์เคมี คาร์ปอฟ (Chemical Institute, Karpov) 
1920 มีส่วนร่วมทำงานกับสถาบันชีวเคมี (Biochemical Institute of People’s Commissariat of RSFSR) 
1924 21 มกราคม, วลาดิมีร์ เลนิน (Lenin) เสียชีวิต ซบาร์สกี ร่วมกับวลาดิมีร์ โวโรเบียฟ (Vladimir Vorobiev) ทำหน้าที่มัมมี่ร่างของเลนิน
1937 เมื่อโวโรเบียฟ เสียชีวิต ซบาร์สกี จึงรับหน้าที่ผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์เลนินและคอยดูแลร่างของเลนิน
1941  27 กรกฏาคม, ร่างของเลนินถูกนำออกจากมอสโคว์ไปยังเมืองทูเมน (Tyumen)   เพื่อลี้ภัยจากสถานการณ์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงนั้น โดยการขนส่งร่างของเลนินขณะนั้นเป็นภารกิจลับ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ NKVD และทีมแพทย์นำโดยบอริส ซบาร์สกี  และลูกชาย อิลย่า (Ilya Zbarsky)  ร่างของเลนินนั้นถูกเก็บไว้ในห้องที่สร้างขึ้นชั่วคราวภายในอาคารของโรงเรียนการเกษตรแห่งหนึ่ง โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่ของรัสเซียยังคิดว่าเลนินยังอยู่ในมอสโคว์
1945 มีนาคม, หลังสงครามสงบ ร่างเลนินถูกนำกลับมายังมอสโคว์ 
ซบาร์สกีได้งานใหม่ในตำแหน่งหัวหน้าของห้องวิจัยชีวเคมีของสถาบันวิจัยโรคมะเร็ง (Lab. of Biochemistry of Cancer Academy of Medical Sciences) 
1949 ซบาร์สกีเป็นหนึ่งในทีมแพทย์ที่ทำหน้าที่มัมมี่ร่างของจอร์จี ดิมิทรอฟ (Georgi Dimitrov) ผู้นำคอมมิวนิสต์ของบัลกาเรีย
1952 27  มีนาคม, ถูกจับในยุคของสตาลิน ส่วนหนึ่งของแผน Doctor’s Plot ซึ่งมุ่งกำจัดยิว เขาถูกตั้งข้อหาเป็นสายลับให้เยอรมัน และต่อต้านโซเวียต 
1953 30 ธันวาคม ได้รับการปล่อยตัวหลังสตาลินเสียชีวิต หลังจากนั้นได้เป็นศาสตร์จารย์สอนอยู่ที่ภาควิชาชีวเคมีของสถาบันการแพทย์มอสโคว์ (Dept. Biochemical,1st Moscow Medical Institute)
1954 7 ตุลาคม เสียชีวิตในมอสโคว์ ระหว่างที่กำลังสอนหนังสืออยู่ , ร่างของเขาถูกฝังที่สุสานโนโวดีวิชี  (Novodevichy cemetery)
Don`t copy text!