Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Ivan Pavlov

อีวาน เปโตรวิช ปาฟลอฟ (Иван Петрович Павлов)
ปาฟลอฟ เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 1849 ในเรียซาน (Ryazan, Russia Empire) จักรวรรดิรัสเซีย พ่อของเขาชื่อปีเตอร์ (Peter Dmitrievich Pavlov, 1823-1899) เป็นนักบวช และแม่ชื่อวาร์วาร่า (Varvara Ivanovna Uspenskaya, 1826-1890) ปาฟลอฟเป็นลูกคนโตในพี่น้องทั้งหมดสิบเอ็ดคน
ปาฟลอฟอ่านหนังสือได้ตั้งแต่ตอนอายุราว 7 ปี ตอนเด็กนั้นเขาเป็นคนรักธรรมชาติ ชอบเลี้ยงสัตว์และอยู่ในสวน
เขาเริ่มเรียนระดับมัธยมที่โรงเรียนโบสถ์ของเมืองเรียซาน (Ryazan Church High School) 
1864 ได้มาเรียนที่วิทยาลัยฝึกนักบวช (Ryazan Church Seminary) ตอนเด็กเขามีความต้องการที่จะเป็นนักบวชเหมือนกับพ่อของเขา แต่ว่าเมื่อโตขึ้นได้รับอิทธิพลจากผลงานของอีวาน เซเชนอฟ (Ivan Sechenov) และชาร์ล ดาวิน (Charles Darwin) ทำให้หันมาสนใจวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ 
1870 ปาพลอฟลาออกจากวิทยาลัยฝึกนักบวชก่อนที่จะเรียนจบเพื่อที่จะเปลี่ยนไปเรียนทางวิทยาศาสตร์ เขาสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก( University of St.Petersburg) ในคณะคณิตศาสตร์และฟิสิก  ซึ่งเขาเลือกเรียนวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ ได้วิจัยเกี่ยวกับสรีรศาสตร์ของระบบประสาทของตับอ่อน (pancreatic nerves)
ที่นี่เขาได้มีโอกาสฟังเลคเชอร์วิชาจิตวิทยาของศาตราจารย์อิลย่า ไชออน (Professor Ilya Zion) ทำให้ปาฟลอฟสนใจศาสตร์แขนงนี้
1875 หลังจากเรียนจบจาก ม.เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก  เพระความสนใจด้านจิตวิทยาเขาจึงได้เลือกที่จะเข้าศึกษาต่อที่สถาบันศัลยกรรมการแพทย์หลวง (Imperial Academy of Medical Surgery) และได้ทำงานเป็นผู้ช่วยศจ.ไซออน ที่เคยสอนเขา แต่ว่าเมื่ออาจารย์ได้ออกจากสถาบันไป ปาฟลอฟก็ลาออกไปด้วย
1876 เขามาทำงานเป็นผู้ช่วยในห้องวิจัยของ ศจ.อุสติโมวิช (Professor Ustimovich) ที่แผนกจิตเวชของสถาบันสัตวแพทย์ (Veterinary Institute)
1878 ศจ.บ๊อตกิ้น (S.P. Botkin) ได้เชิญปาฟลอฟเข้าไปทำงานด้วยที่คลีนิคจิตเวชของเขา
1879 บาฟลอฟจบจากสถาบันศัลยกรรมการแพทย์หลวงด้วยคะแนนระดับเหรียญทอง ทำให้เขาได้รับทุนให้ศึกษาขึ้นสูงที่สถาบันการแพทย์ทหาร (Medical Military Academy)
1881 แต่งงานกับเซราฟีม่า (Seraphima “Sara” Vasilievna Karchevskaya) เธอเป็นครู และเป็นลูกสาวของนายแพทย์ทหารประจำกองเรือในทะเลดดำ พวกเขามีชีวิตแต่งงานที่ไม่ค่อยดีนัก มีลูกด้วยกันหลายคนแต่ว่ามีคนที่รอดชีวิตพ้นวัยเด็กมา 4 คน
1883 บาฟลอฟทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกในหัวเรื่อง “The centrifugal nerves of the heart and posited the idea of nervism and the basic principles on the trophic function of the nervous system”
1884 หลังจากจบปริญญาเอก เขาก็ทำงานเป็นอาจารย์อยู่ที่สถาบันการแพทย์ทหาร และได้ถูกส่งไปดูงานที่เยอรมันเป็นเวลาสองปี โดยได้มีโอกาสไปเรียนรู้ที่ห้องวิจัยไอเดนเฮียน (Heidenhain laboratories) ของคาร์ล ลุดวิก (Carl Ludwig) ซึ่งที่นี่เขาได้ศึกษาระบบการย่อยอาหารของสุนัข (digestive system of dogs)
1890 ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านเภสัชศาสตร์จากสถาบันการแพทย์ทหาร
1891 เขามาช่วยก่อตั้งคณะจิตเวช ที่สถาบันทดลองทางการแพทย์ (Institute of Experimental Medical) ระหว่างอยู่ที่สถาบันแห่งนี้ บาฟลอฟได้ทำงานวิจัยจำนวนมากเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร 
1895 ได้เป็นคณะบดีของภาควิชาจิตเวช สถาบันการแพทย์ทหารซึ่งเขาอยู่ในตำแหน่งจนกระทั้งปี 1925
1897 มีผลงานเขียนเรื่อง “Lectures on the functions of the principal digestive glands” ซึ่งแสดงผลงานการค้นคว้าเกี่ยวกับกระบวนการย่อยอาหารและต่อมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งงานวิจัยของเขาไม่เพียงแต่สำคัญทางด้านสรีรศาสตร์ แต่บาฟลอฟยังค้นพบศาสตร์ของการตอบสนองอย่างมีเงื่อนไข (conditioned reflexes) ซึ่งกลายเป้นทฤษฏีคลาสสิคของพฤติกรรมศาสตร์ (Classical Conditions)
1901 ได้เป็นสมาชิกสังเกตุการณ์ของสถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซีย (Russian Academy of Sciences) และได้ปีนี้เขาได้รับการเสนอชื่อเพื่อชิงรางวัลโนเบลเป็นครั้งแรก และถูกเสนอชื่อทุกปีจนกระทั้งได้รับรางวัล
1903 ในงานประชุมการแพทย์สากล ครั้งที่ 14 ในกรุงแมดริด (International Medical Congress) บาฟลอฟได้นำเสนอรายงานเรื่อง “The Experimental Psychology and Psychopathology of Animals” ซึ่งเขาแสดงให้เห็นว่า Conditioned reflex นั้นควรถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์พื้นฐานอย่างหนึ่งของจิตวิทยา ซึ่งมันเป็นกลไกสำคัญในกระบวนการเรียนรู้ในสัตว์และมนุษย์เอง โดยที่บาฟลอฟ ได้สรุปหลักการณ์พื้นฐานของ Theory of relfexs ออกมาเป็นสามขั้นตอน คือ the principle of determinism , the principle of analysis and synthesis, the principle of structure
1904 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ จากงานศึกษาเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร “in recognition of his work on the physiology of digestion, through which knowledge on vital aspects of the subject has been transformed and enlarged" บาฟลอฟเป็นชาวรัสเซียคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้
1912 ได้รับปริญญาเอกกิตติมาศักดิ์จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ 
1915 ได้รับรางวัล Order of the Legion of Honor จากสถาบันการแพทย์ปารีส  (the Medical Academy of Paris)
1924 เกษียณจากงานที่สถาบันการแพทย์ทหาร
1935 สิงหาคม, ในการประชุมสภาสรีรศาตร์นานาชาติในมอสโคว์ ครั้งที่ 15(International Physiological Congress) ที่ประชุมได้เชิญชูเกียรติของเขาด้วยการยกย่องเขาเป็น “princeps physiologorum mundi” (ผู้อาวุโสของนักสรีรศาสตร์)

1936 27 กุมภาพันธ์, เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมขณะมีอายุ 86 ปี ในเลนินกราด

Don`t copy text!